lay down
———————————–
Song Minho
&
Nam Taehyun
———————————–
แทฮยอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม
เสียงฝนตกกระทบพื้นระเบียงห้องปลุกเขาขึ้นมาในเช้าวันนี้
จากที่เผลอตัวนอนหลับไปกับกองผ้าห่มบนพื้น
ฮีทเตอร์ที่ไม่ได้เปิดทำให้มือและปลายเท้าของเขาเย็นเฉียบจนรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย
เขายังติดนิสัยนอนบนพื้น
ฝ่ามือขาวลูบพื้นเย็นเฉียบข้างกาย
ไม่เหลือไออุ่นใด ๆ แม้แต่นิดเดียว
เสียงกดอินเตอร์คอมของห้องดังขึ้น แทฮยอนขยับตัวลุกไปเปิดประตูแม้จะยังงงจากการพึ่งตื่นนอน
ประตูเปิดออก ชายร่างสูง ผิวสีเข้มยืนหอบของพะรุงพะรังอยู่หน้าห้อง ผมข้างไถสั้นแต่กลับไว้หน้าม้าปรกหน้าชื้นฝน แว่นกรอบสีดำกับคิ้วเข้มทำให้ดูเคร่งขรึม
อ่า…เพื่อนของซึงยุนที่จะมาแชร์ห้องกับเขา
“ซงมินโฮ?”
“มิโนก็ได้ รบกวนด้วยนะ”
มือสีแทนของมิโนยื่นออกมา
แทฮยอนมองตามมือของตนเองที่เอื้อมไปจับทำความรู้จัก ทั้งที่อีกฝ่ายดูท่าจะพึ่งมาจากข้างนอกที่แต่มือกับอุ่นร้อน
ผิดกับมือเขาที่เย็นเฉียบ
“นัมแทฮยอน”
ประตูปิดลงหลังจากคนสองคนได้รู้จักกัน
– – – – –
แทฮยอนเดินพาอีกคนไปยังห้องว่างภายในคอนโดของเขา มันเคยเป็นห้องรับแขกตอนที่เพื่อนหรือครอบครัวมาค้าง จนวันที่ซึงยุนมาถามว่าจะขอให้เพื่อนสนิทของตนมาพักด้วยระหว่างฝึกงาน 1 เดือนได้หรือเปล่า เพราะที่พักดี ๆ ตอนนี้ไม่มีที่ไหนให้ทำสัญญาได้เดือนเดียวเลย
แต่แทฮยอนรู้
ซึงยุนคงไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้
ห้องนอนสีเทาเข้มตัดกับเตียงไม้สีน้ำตาลและผ้าปูเตียงสีอ่อนดูเหมาะกับมินโฮราวกับเขาเป็นเจ้าของห้องมาก่อน อีกฝ่ายวางของลงไว้ข้างประตูแล้วเดินสำรวจในห้องก่อนจะทดลองนั่งลงบนเตียง
“จัดห้องเท่ดีน–”
เปรี๊ยะ… โครม!!
เตียงไม้ที่มินโฮนั่งอยู่หักลงต่อหน้าต่อหน้า
“…………….”
“…………….”
“………….ฮ่า ๆๆๆๆๆ ”
แทฮยอนมองอีกฝ่ายที่ยังทำหน้าเหวอท่ามกลางกองฝุ่นผง ตอนแรกเขาก็อึ้งไปเหมือนกันแต่เมื่อเห็นหน้าตาตลก ๆ ของมินโฮก็อดขำไม่ได้ ในใจรู้สึกขอโทษปนตกใจกับเรื่องเหลือเชื่อนี้
“เป็นไรมากป่าว”
แทฮยอนยื่นมือไปให้ซงมินโฮช่วยจับดึงตัวขึ้น
“เออ เตียงมันคงจะเก่ามากน่ะ ทิ้งไว้นานแล้ว ไม่ได้ใช้ห้องนี้เลย ฮ่าๆ”
มือของอีกฝ่ายอบอุ่นอีกแล้ว
“คือ…ฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์เตียงหักมาก่อน… นี่เสียเซลฟ์เลยอะ ฉันอ้วนไปเหรอ น้ำหนักเกินเหรอไรงี้”
แต่ยังดูท่าจะช็อคอยู่ไม่หาย
ถึงได้ไม่ยอมปล่อยมือเขาแม้จะลุกจากกองเตียงแล้ว
“บ้า” แทฮยอนยังคงหัวเราะขำ “แต่ก่อนเพื่อนมานอนสามสี่คนยังนอนได้ สงสัยเตียงจะเก่ามากแล้วจริง ๆ ”
อีกฝ่ายคลี่ยิ้มตาม
“งั้นฉันจะเชื่อแทฮยอนนะ” มินโฮยืนมองหน้าเขา “เออ….นึกว่าจะหัวเราะไม่เป็นซะอีก ยิ้มแล้วดูดีขึ้นเป็นกอง”
รอยยิ้มของแทฮยอนค้างไป
ใช่
เขาก็นึกว่าตัวเองจะหัวเราะไม่เป็นแล้ว
2 เดือน หรือ 3 เดือน? ไม่รู้สิ ตั้งแต่วันที่โลกของเขาพังลงเขาก็ไม่เคยนับวันเวลาอีกเลย
ก็ไม่มีความจำเป็นต้องนับนี่ ต่อให้พระอาทิตย์จะขึ้นหรือตกอีกกี่ครั้งโลกของเขาก็ยังคงเป็นสีเทาเหมือนเดิม
“อ๊ะ”
ปลายนิ้วอุ่นแตะปลายหน้าผากระหว่างกำลังเหม่อจนเขาสะดุ้ง
“เขินที่ชมอ่ะดิ นิ่งไปเลย”
นิ้วเรียวยาวของซงมินโฮเขี่ยผมที่ปรกตาของแทฮยอนออกให้แล้วลูบหัวแผ่วเบา แทฮยอนมองตาคมใต้แว่นกรอบดำนั่นแล้วรู้สึกได้ว่ามินโฮรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดอะไร แต่อีกฝ่ายก็เลือกจะไม่แตะแล้วยิ้มตลกให้เขาแทน
รอยยิ้มของซงมินโฮตอนนี้ก็ดูดีนะ
แต่เขาไม่ได้พูดมันออกไปหรอก
“แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้”
มินโฮต่อบทสนทนา มองซากเตียง… ถ้าจะซ่อมก็คงได้ แต่เคลียร์กับฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอยู่นี่คงยาว มินโฮชักเริ่มคันจมูกฟุดฟิดขึ้นมาด้วยแล้วสิ
“คงต้องให้ช่างมาทำให้แล้วก็เก็บห้องอีก” แทฮยอนลังเลเล็กน้อย “…นายไปใช้เตียงห้องฉันก็ได้”
อีกฝ่ายมองแทฮยอน ราวสักห้าวิมั้งที่นิ่งเฉยไปก่อนทำท่าจะปฏิเสธเพราะความเกรงใจแทฮยอนจึงต้องพูดย้ำ
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันติดนอนพื้นไปแแล้วน่ะ”
– – – – –
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสายตาแทฮยอนให้ผละจากสายฝนเบื้องนอกกลับมา น่าแปลกที่ฝนตกลงมาในฤดูนี้ แต่คงเพราะฝนตกในตอนกลางวันที่แดดจ้า แทฮยอนจึงไม่รู้สึกว่าฝนครั้งนี้เป็นสีหม่นเหมือนที่ผ่านมา
ซงมินโฮยืนอยู่ตรงนั้น
3 อาทิตย์แล้วที่อยู่ด้วยกัน 3 อาทิตย์แล้วที่แทฮยอนจะหลับไปบนพรมนุ่ม ๆ พร้อมกองผ้าห่มข้างเตียงเหมือนเคย ส่วนซงมินโฮที่ฝึกงาน กว่าจะกลับถึงบ้านก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว แทฮยอนไม่เคยอยู่ดึกถึงตอนมินโฮกลับมาบ้านเลย แต่เขาจะตื่นมาตอนเช้าบนเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมเรียบร้อยและมีอีกคนนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มอีกผืนบนอีกฝั่งเตียง
หรือบางทีก็อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน บนเตียงฝั่งเดียวกัน
แทฮยอนว่าเขาไม่มีนิสัยละเมอเดินนะ
ส่วนนิสัยหลับไม่รู้เรื่องว่ามีใครมาลากขึ้นเตียงแทฮยอนก็ว่าตัวเองไม่เป็น
แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจ…
เหมือนเคยอ่านเจอว่าถ้าคนเราทำอะไรซ้ำ ๆ กัน 1 เดือนก็จะติดนิสัยนั้นไปเลย…
เขานึกสงสัยว่าเขาจะตื่นขึ้นมาบนเตียงแบบนี้ทุกเช้าไปจนครบหนึ่งเดือนไหม
“ดูหนังกัน ได้ตั๋วฟรี”
แทฮยอนนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายไม่มีใครคบเลยเหรอถึงได้มาชวนเขาทุกที นึกสงสัยว่าได้ตั๋วฟรีจากไหนเยอะแยะถึงมาชวนแทฮยอนทุกครั้งที่เขาเริ่มว่าง เริ่มอยู่กับตัวเองและเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
พอคิดดูดี ๆ แล้ว สามอาทิตย์ที่ผ่านมาแทฮยอนแทบจะไม่ได้มองฝนข้างนอกเลย เท่าที่จำได้ ภาพตรงหน้าของเขามีแต่ซงมินโฮ
“เปลี่ยนชุดแป็บ”
แทฮยอนเด้งตัวออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ต้องถามสักคำว่าชวนไปดูเรื่องอะไร ซงมินโฮมือดีเลือกหนังถูกใจเขาอยู่แล้ว
แล้วก็ใช่จริง ๆ
ซงมินโฮทำดี
หนังดี สนุก และเป็นแบบที่แทฮยอนชอบจนเขานึกสงสัยอีกแล้วว่ามิโนเคยมาดูเรื่องนี้ก่อนแล้วหรือเปล่า
แทฮยอนหัวเราะขำตลอดต้นเรื่อง
จนกระทั่งมีเงาที่คุ้นเคยเดินเข้าโรงมานั่งที่นั่งถัดลงไปสักสองสามที่
ใช่หรือไม่ใช่นะ?
เป็นเงาที่คุ้นเกินไป จนแสงไฟจากหนังที่ฉายอยู่สาดกระทบกับใบหน้าของคนเบื้องล่าง
แทฮยอนว่าเขาเหมือนลืม ๆ ไปแล้วนะ
แต่ไม่ใช่เลย
ความทรงจำที่ผ่านเข้ามาเรียกน้ำตาของเขาให้ไหลออกมาเงียบๆ
แปลกจังที่แม้แต่เงาของคนที่ไม่ได้เจอเป็นเดือน ๆ แทฮยอนก็ยังจำได้
จำได้สิ
เขาเคยนอนมองหน้าอีกฝ่ายอยู่ทุกคืนตอนที่เราหลับไปบนพื้นห้องใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
หนังสนุก มุกตลกที่ลึกซึ้งของคนเขียนบทเรียกเสียงหัวเราะของผู้ชมทั้งโรง
แต่น้ำตาของแทฮยอนไหลหนักขึ้นตอนที่สองคนข้างล่างขยับเข้าหากัน ศีรษะเอียงซบกับไหล่ ไม่เหลือระยะห่างระหว่างสองคน
หนังเปลี่ยนเสียงดนตรีประกอบเมื่อเรื่องเปิดเผยออกมาว่าพระเอกและนางเอกใจตรงกัน
แทฮยอนผุดลุกขึ้นตอนที่สองคนที่ซบกันเริ่มขยับตัวอีกครั้ง
เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
น่าเสียดายที่ไม่สามารถดูหนังให้จบเรื่องได้ มันเกือบจะเป็นเรื่องโปรดของเขาแล้ว
แทฮยอนเดินออกจากโรงหนังมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปไหน จนกระทั่งมีมือคู่หนึ่งมาฉุดดึงเขาไว้ในที่สุด
มือที่อบอุ่น ผิดกับมือของเขาที่เย็นเฉียบ
– – – – –
ซงมินโฮอารมณ์เสีย
และแทฮยอนก็มีแต่ความเงียบตลอดทางที่นั่งรถกลับมาบ้านด้วยกัน
น้ำตาไม่หยุดไหลแม้จะถึงห้องแล้ว
ซงมินโฮทั้งหงุดหงิดและสับสน
เขารู้สึกว่าตัวเองบ้าบอมากที่ชวนอีกฝ่ายออกไปดูหนังเรื่องนี้ เวลานี้
มินโฮไม่ใช่คนโง่ สายตาของแทฮยอนและท่าทางที่เปลี่ยนไป บวกกับเรื่องที่ซึงยุนเล่าว่าอีกฝ่ายพึ่งเลิกกับแฟนทำให้เขาเดาอะไรได้ไม่ยาก เขามองตามสายตาแทฮยอน และเห็นอีกคนกำลังมองอะไร
น้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลลงมาในความมืดกรีดหัวใจของซงมินโฮ แต่เขาได้แต่นั่งมองเงียบงัน
มินโฮทำอะไรไม่ได้เลย
วันนี้แทฮยอนเหมือนกลับไปเป็นแทฮยอนคนเดิมในวันแรกที่เจอกัน
ร่างไร้วิญญาณ
มีแต่น้ำตา
น้ำตาที่ทำให้ใจของเขาไม่สงบเสียเลย
มินโฮชอบยิ้มกว้าง ๆ จนคิ้วตกของแทฮยอนมากกว่า
แทฮยอนยืนอยู่ตรงหน้านี่ แต่ไม่มีเขาในสายตา
มินโฮจับตัวแทฮยอนนั่งลงบนเตียง ใช้แขนเสื้อของเขาซับน้ำตาบนหน้าอีกฝ่าย ตอนนั้นสายตาของแทฮยอนถึงจับโฟกัสบนหน้าเขา
“แทฮยอน ตอนนี้นายขี้เหร่มากอะ”
เขาพยายามแกล้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล น้ำตาหยดโตไหลลงมาอีกครั้ง
“โธ่เว้ย อย่าร้องไห้ดิ”
ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริง ๆ มินโฮคว้าตัวแล้วดึงตัวแทฮยอนเข้าไปกอด
หวังว่าจะให้เสียงเต้นของหัวใจแทนคำปลอบใจ
ตอนแรกเขานึกว่ามันคงไม่ช่วยอะไร
ถ้าใครสักคนเศร้าเพราะอะไร ก็คงต้องให้สิ่งนั้นทำให้หายเศร้า
แทฮยอนนั่งนิ่งในอ้อมกอดเขา มินโฮรู้สึกได้แค่สัมผัสเปียกชื้นตรงไหล่
“บางทีมันก็เป็นบทเรียนของพระเจ้าน่ะแทฮยอน” มือของเขาลูบผมของแทฮยอนแผ่วเบา ปลอบอีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบ “เราต้องเคยเสียใครสักคนไป เพื่อนายจะได้เรียนรู้ว่าควรทำยังไงไม่ให้เสียใคร ๆ ไปอีกไง”
ตอนนั้นที่แทฮยอนขยับตัว มือของอีกฝ่ายคว้าตัวเขาเกาะกอดไว้แน่น แล้วร้องไห้ราวกับว่าเก็บน้ำตาไว้มานานนับเดือน
…เด็กน้อย…
คืนนั้นแทฮยอนหลับไปในอ้อมกอดของเขา
เป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่แทฮยอนไม่ได้นอนหลับไปบนพื้นห้องที่ชอบเหมือนเคย
– – – – –
แทฮยอนเรียนรู้ว่าความชอบของคนเราเปลี่ยนกันได้
เหมือนกับความรัก
และค้นพบว่าถ้าคนเราทำอะไรซ้ำ ๆ กัน 1 เดือนก็จะติดนิสัยนั้นไปจริง ๆ
จาก 1 เป็น 4
4 เดือนแล้วที่มิโนยังคงพักอยู่ที่ห้องของแทฮยอน
ฤดูกาลผันเปลี่ยนไป
ฝนตกลงมานอกหน้าต่างอีกครั้ง
แทฮยอนลืมตานอนฟังเสียงฝนดังเปาะแปะแบบที่เขาคุ้นชิน
ที่นี่ ฝนมักจะตกลงมายามที่มีความเปลี่ยนแปลง
แทฮยอนขยับตัวในอ้อมอกอบอุ่นของคนข้างกาย อีกฝ่ายยังไม่ลืมตาเลยแต่ก็คว้าตัวเขาเข้าไปกอด
เตียงนอนนุ่ม ๆ ทำให้เขาไม่ปวดหลังอีกแล้ว
เขาลืมเปิดฮีทเตอร์ตอนกลางคืน
แต่มือของเขายังอบอุ่นจากความร้อนของซงมินโฮ
[end]