[os] lay down

lay down

———————————–

Song Minho

&

Nam Taehyun

———————————–

12556063_1394805520820940_1254068501_n

 

 

แทฮยอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม

 

เสียงฝนตกกระทบพื้นระเบียงห้องปลุกเขาขึ้นมาในเช้าวันนี้

 

จากที่เผลอตัวนอนหลับไปกับกองผ้าห่มบนพื้น

 

ฮีทเตอร์ที่ไม่ได้เปิดทำให้มือและปลายเท้าของเขาเย็นเฉียบจนรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย

 

เขายังติดนิสัยนอนบนพื้น

 

ฝ่ามือขาวลูบพื้นเย็นเฉียบข้างกาย

 

ไม่เหลือไออุ่นใด ๆ แม้แต่นิดเดียว

 

 

 

เสียงกดอินเตอร์คอมของห้องดังขึ้น แทฮยอนขยับตัวลุกไปเปิดประตูแม้จะยังงงจากการพึ่งตื่นนอน

 

ประตูเปิดออก ชายร่างสูง ผิวสีเข้มยืนหอบของพะรุงพะรังอยู่หน้าห้อง ผมข้างไถสั้นแต่กลับไว้หน้าม้าปรกหน้าชื้นฝน  แว่นกรอบสีดำกับคิ้วเข้มทำให้ดูเคร่งขรึม

 

อ่า…เพื่อนของซึงยุนที่จะมาแชร์ห้องกับเขา

 

“ซงมินโฮ?”

 

“มิโนก็ได้ รบกวนด้วยนะ”

 

มือสีแทนของมิโนยื่นออกมา

 

แทฮยอนมองตามมือของตนเองที่เอื้อมไปจับทำความรู้จัก ทั้งที่อีกฝ่ายดูท่าจะพึ่งมาจากข้างนอกที่แต่มือกับอุ่นร้อน

 

ผิดกับมือเขาที่เย็นเฉียบ

 

 

“นัมแทฮยอน”

 

 

ประตูปิดลงหลังจากคนสองคนได้รู้จักกัน

 

– – – – –

 

แทฮยอนเดินพาอีกคนไปยังห้องว่างภายในคอนโดของเขา มันเคยเป็นห้องรับแขกตอนที่เพื่อนหรือครอบครัวมาค้าง จนวันที่ซึงยุนมาถามว่าจะขอให้เพื่อนสนิทของตนมาพักด้วยระหว่างฝึกงาน 1 เดือนได้หรือเปล่า เพราะที่พักดี ๆ ตอนนี้ไม่มีที่ไหนให้ทำสัญญาได้เดือนเดียวเลย

 

แต่แทฮยอนรู้

 

ซึงยุนคงไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้

 

 

ห้องนอนสีเทาเข้มตัดกับเตียงไม้สีน้ำตาลและผ้าปูเตียงสีอ่อนดูเหมาะกับมินโฮราวกับเขาเป็นเจ้าของห้องมาก่อน อีกฝ่ายวางของลงไว้ข้างประตูแล้วเดินสำรวจในห้องก่อนจะทดลองนั่งลงบนเตียง

 

“จัดห้องเท่ดีน–”

 

เปรี๊ยะ… โครม!!

 

เตียงไม้ที่มินโฮนั่งอยู่หักลงต่อหน้าต่อหน้า

 

 

“…………….”

 

“…………….”

 

“………….ฮ่า ๆๆๆๆๆ ”

 

แทฮยอนมองอีกฝ่ายที่ยังทำหน้าเหวอท่ามกลางกองฝุ่นผง ตอนแรกเขาก็อึ้งไปเหมือนกันแต่เมื่อเห็นหน้าตาตลก ๆ ของมินโฮก็อดขำไม่ได้ ในใจรู้สึกขอโทษปนตกใจกับเรื่องเหลือเชื่อนี้

 

“เป็นไรมากป่าว”

แทฮยอนยื่นมือไปให้ซงมินโฮช่วยจับดึงตัวขึ้น

“เออ เตียงมันคงจะเก่ามากน่ะ ทิ้งไว้นานแล้ว ไม่ได้ใช้ห้องนี้เลย ฮ่าๆ”

 

มือของอีกฝ่ายอบอุ่นอีกแล้ว

 

“คือ…ฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์เตียงหักมาก่อน… นี่เสียเซลฟ์เลยอะ ฉันอ้วนไปเหรอ น้ำหนักเกินเหรอไรงี้”

 

แต่ยังดูท่าจะช็อคอยู่ไม่หาย

 

ถึงได้ไม่ยอมปล่อยมือเขาแม้จะลุกจากกองเตียงแล้ว

 

 

“บ้า” แทฮยอนยังคงหัวเราะขำ “แต่ก่อนเพื่อนมานอนสามสี่คนยังนอนได้ สงสัยเตียงจะเก่ามากแล้วจริง ๆ ”

 

อีกฝ่ายคลี่ยิ้มตาม

 

“งั้นฉันจะเชื่อแทฮยอนนะ” มินโฮยืนมองหน้าเขา “เออ….นึกว่าจะหัวเราะไม่เป็นซะอีก ยิ้มแล้วดูดีขึ้นเป็นกอง”

 

รอยยิ้มของแทฮยอนค้างไป

 

ใช่

 

เขาก็นึกว่าตัวเองจะหัวเราะไม่เป็นแล้ว

 

2 เดือน หรือ 3 เดือน? ไม่รู้สิ ตั้งแต่วันที่โลกของเขาพังลงเขาก็ไม่เคยนับวันเวลาอีกเลย

 

ก็ไม่มีความจำเป็นต้องนับนี่ ต่อให้พระอาทิตย์จะขึ้นหรือตกอีกกี่ครั้งโลกของเขาก็ยังคงเป็นสีเทาเหมือนเดิม

 

“อ๊ะ”

 

ปลายนิ้วอุ่นแตะปลายหน้าผากระหว่างกำลังเหม่อจนเขาสะดุ้ง

 

“เขินที่ชมอ่ะดิ นิ่งไปเลย”

 

นิ้วเรียวยาวของซงมินโฮเขี่ยผมที่ปรกตาของแทฮยอนออกให้แล้วลูบหัวแผ่วเบา แทฮยอนมองตาคมใต้แว่นกรอบดำนั่นแล้วรู้สึกได้ว่ามินโฮรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดอะไร แต่อีกฝ่ายก็เลือกจะไม่แตะแล้วยิ้มตลกให้เขาแทน

 

รอยยิ้มของซงมินโฮตอนนี้ก็ดูดีนะ

 

แต่เขาไม่ได้พูดมันออกไปหรอก

 

“แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้”

 

มินโฮต่อบทสนทนา มองซากเตียง… ถ้าจะซ่อมก็คงได้ แต่เคลียร์กับฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอยู่นี่คงยาว มินโฮชักเริ่มคันจมูกฟุดฟิดขึ้นมาด้วยแล้วสิ

 

“คงต้องให้ช่างมาทำให้แล้วก็เก็บห้องอีก” แทฮยอนลังเลเล็กน้อย “…นายไปใช้เตียงห้องฉันก็ได้”

 

อีกฝ่ายมองแทฮยอน ราวสักห้าวิมั้งที่นิ่งเฉยไปก่อนทำท่าจะปฏิเสธเพราะความเกรงใจแทฮยอนจึงต้องพูดย้ำ

 

 

“ไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันติดนอนพื้นไปแแล้วน่ะ”

 

 

– – – – –

 

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสายตาแทฮยอนให้ผละจากสายฝนเบื้องนอกกลับมา น่าแปลกที่ฝนตกลงมาในฤดูนี้ แต่คงเพราะฝนตกในตอนกลางวันที่แดดจ้า แทฮยอนจึงไม่รู้สึกว่าฝนครั้งนี้เป็นสีหม่นเหมือนที่ผ่านมา

 

ซงมินโฮยืนอยู่ตรงนั้น

 

3 อาทิตย์แล้วที่อยู่ด้วยกัน 3 อาทิตย์แล้วที่แทฮยอนจะหลับไปบนพรมนุ่ม ๆ พร้อมกองผ้าห่มข้างเตียงเหมือนเคย ส่วนซงมินโฮที่ฝึกงาน กว่าจะกลับถึงบ้านก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว แทฮยอนไม่เคยอยู่ดึกถึงตอนมินโฮกลับมาบ้านเลย แต่เขาจะตื่นมาตอนเช้าบนเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมเรียบร้อยและมีอีกคนนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มอีกผืนบนอีกฝั่งเตียง

 

หรือบางทีก็อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน บนเตียงฝั่งเดียวกัน

 

แทฮยอนว่าเขาไม่มีนิสัยละเมอเดินนะ

 

ส่วนนิสัยหลับไม่รู้เรื่องว่ามีใครมาลากขึ้นเตียงแทฮยอนก็ว่าตัวเองไม่เป็น

 

แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจ…

 

 

เหมือนเคยอ่านเจอว่าถ้าคนเราทำอะไรซ้ำ ๆ กัน 1 เดือนก็จะติดนิสัยนั้นไปเลย…

 

เขานึกสงสัยว่าเขาจะตื่นขึ้นมาบนเตียงแบบนี้ทุกเช้าไปจนครบหนึ่งเดือนไหม

 

 

 

“ดูหนังกัน ได้ตั๋วฟรี”

 

 

แทฮยอนนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายไม่มีใครคบเลยเหรอถึงได้มาชวนเขาทุกที นึกสงสัยว่าได้ตั๋วฟรีจากไหนเยอะแยะถึงมาชวนแทฮยอนทุกครั้งที่เขาเริ่มว่าง เริ่มอยู่กับตัวเองและเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

พอคิดดูดี ๆ แล้ว สามอาทิตย์ที่ผ่านมาแทฮยอนแทบจะไม่ได้มองฝนข้างนอกเลย เท่าที่จำได้ ภาพตรงหน้าของเขามีแต่ซงมินโฮ

 

“เปลี่ยนชุดแป็บ”

 

แทฮยอนเด้งตัวออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ต้องถามสักคำว่าชวนไปดูเรื่องอะไร ซงมินโฮมือดีเลือกหนังถูกใจเขาอยู่แล้ว

 

 

แล้วก็ใช่จริง ๆ

 

ซงมินโฮทำดี

 

 

หนังดี สนุก และเป็นแบบที่แทฮยอนชอบจนเขานึกสงสัยอีกแล้วว่ามิโนเคยมาดูเรื่องนี้ก่อนแล้วหรือเปล่า

 

แทฮยอนหัวเราะขำตลอดต้นเรื่อง

 

จนกระทั่งมีเงาที่คุ้นเคยเดินเข้าโรงมานั่งที่นั่งถัดลงไปสักสองสามที่

 

 

ใช่หรือไม่ใช่นะ?

 

เป็นเงาที่คุ้นเกินไป จนแสงไฟจากหนังที่ฉายอยู่สาดกระทบกับใบหน้าของคนเบื้องล่าง

 

แทฮยอนว่าเขาเหมือนลืม ๆ ไปแล้วนะ

 

แต่ไม่ใช่เลย

 

 

ความทรงจำที่ผ่านเข้ามาเรียกน้ำตาของเขาให้ไหลออกมาเงียบๆ

 

แปลกจังที่แม้แต่เงาของคนที่ไม่ได้เจอเป็นเดือน ๆ แทฮยอนก็ยังจำได้

 

จำได้สิ

 

เขาเคยนอนมองหน้าอีกฝ่ายอยู่ทุกคืนตอนที่เราหลับไปบนพื้นห้องใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

 

 

หนังสนุก มุกตลกที่ลึกซึ้งของคนเขียนบทเรียกเสียงหัวเราะของผู้ชมทั้งโรง

 

 

แต่น้ำตาของแทฮยอนไหลหนักขึ้นตอนที่สองคนข้างล่างขยับเข้าหากัน ศีรษะเอียงซบกับไหล่ ไม่เหลือระยะห่างระหว่างสองคน

 

หนังเปลี่ยนเสียงดนตรีประกอบเมื่อเรื่องเปิดเผยออกมาว่าพระเอกและนางเอกใจตรงกัน

 

แทฮยอนผุดลุกขึ้นตอนที่สองคนที่ซบกันเริ่มขยับตัวอีกครั้ง

 

เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

 

 

 

น่าเสียดายที่ไม่สามารถดูหนังให้จบเรื่องได้ มันเกือบจะเป็นเรื่องโปรดของเขาแล้ว

 

แทฮยอนเดินออกจากโรงหนังมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปไหน จนกระทั่งมีมือคู่หนึ่งมาฉุดดึงเขาไว้ในที่สุด

 

มือที่อบอุ่น ผิดกับมือของเขาที่เย็นเฉียบ

 

 

– – – – –

 

 

ซงมินโฮอารมณ์เสีย

 

และแทฮยอนก็มีแต่ความเงียบตลอดทางที่นั่งรถกลับมาบ้านด้วยกัน

 

น้ำตาไม่หยุดไหลแม้จะถึงห้องแล้ว

 

 

ซงมินโฮทั้งหงุดหงิดและสับสน

 

 

เขารู้สึกว่าตัวเองบ้าบอมากที่ชวนอีกฝ่ายออกไปดูหนังเรื่องนี้ เวลานี้
 

มินโฮไม่ใช่คนโง่ สายตาของแทฮยอนและท่าทางที่เปลี่ยนไป บวกกับเรื่องที่ซึงยุนเล่าว่าอีกฝ่ายพึ่งเลิกกับแฟนทำให้เขาเดาอะไรได้ไม่ยาก เขามองตามสายตาแทฮยอน และเห็นอีกคนกำลังมองอะไร

 

น้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลลงมาในความมืดกรีดหัวใจของซงมินโฮ แต่เขาได้แต่นั่งมองเงียบงัน

 

มินโฮทำอะไรไม่ได้เลย

วันนี้แทฮยอนเหมือนกลับไปเป็นแทฮยอนคนเดิมในวันแรกที่เจอกัน

 

 

ร่างไร้วิญญาณ

 

มีแต่น้ำตา

 

 

น้ำตาที่ทำให้ใจของเขาไม่สงบเสียเลย

 

มินโฮชอบยิ้มกว้าง ๆ จนคิ้วตกของแทฮยอนมากกว่า

 

 

แทฮยอนยืนอยู่ตรงหน้านี่ แต่ไม่มีเขาในสายตา

 

มินโฮจับตัวแทฮยอนนั่งลงบนเตียง ใช้แขนเสื้อของเขาซับน้ำตาบนหน้าอีกฝ่าย ตอนนั้นสายตาของแทฮยอนถึงจับโฟกัสบนหน้าเขา

 

“แทฮยอน ตอนนี้นายขี้เหร่มากอะ”

 

เขาพยายามแกล้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล น้ำตาหยดโตไหลลงมาอีกครั้ง

 

“โธ่เว้ย อย่าร้องไห้ดิ”

 

 

ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริง ๆ มินโฮคว้าตัวแล้วดึงตัวแทฮยอนเข้าไปกอด

 

หวังว่าจะให้เสียงเต้นของหัวใจแทนคำปลอบใจ

 

 

ตอนแรกเขานึกว่ามันคงไม่ช่วยอะไร

ถ้าใครสักคนเศร้าเพราะอะไร ก็คงต้องให้สิ่งนั้นทำให้หายเศร้า

 

 

แทฮยอนนั่งนิ่งในอ้อมกอดเขา มินโฮรู้สึกได้แค่สัมผัสเปียกชื้นตรงไหล่

 

“บางทีมันก็เป็นบทเรียนของพระเจ้าน่ะแทฮยอน” มือของเขาลูบผมของแทฮยอนแผ่วเบา ปลอบอีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบ “เราต้องเคยเสียใครสักคนไป เพื่อนายจะได้เรียนรู้ว่าควรทำยังไงไม่ให้เสียใคร ๆ ไปอีกไง”

 

ตอนนั้นที่แทฮยอนขยับตัว มือของอีกฝ่ายคว้าตัวเขาเกาะกอดไว้แน่น แล้วร้องไห้ราวกับว่าเก็บน้ำตาไว้มานานนับเดือน

 

…เด็กน้อย…

 

คืนนั้นแทฮยอนหลับไปในอ้อมกอดของเขา

 

เป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่แทฮยอนไม่ได้นอนหลับไปบนพื้นห้องที่ชอบเหมือนเคย

 

 

– – – – –

 

 

แทฮยอนเรียนรู้ว่าความชอบของคนเราเปลี่ยนกันได้

 

เหมือนกับความรัก

 

และค้นพบว่าถ้าคนเราทำอะไรซ้ำ ๆ กัน 1 เดือนก็จะติดนิสัยนั้นไปจริง ๆ

 

จาก 1 เป็น 4

 

4 เดือนแล้วที่มิโนยังคงพักอยู่ที่ห้องของแทฮยอน

 

 

ฤดูกาลผันเปลี่ยนไป

 

ฝนตกลงมานอกหน้าต่างอีกครั้ง

 

แทฮยอนลืมตานอนฟังเสียงฝนดังเปาะแปะแบบที่เขาคุ้นชิน

 

ที่นี่ ฝนมักจะตกลงมายามที่มีความเปลี่ยนแปลง

 

แทฮยอนขยับตัวในอ้อมอกอบอุ่นของคนข้างกาย อีกฝ่ายยังไม่ลืมตาเลยแต่ก็คว้าตัวเขาเข้าไปกอด

 

เตียงนอนนุ่ม ๆ ทำให้เขาไม่ปวดหลังอีกแล้ว

 

เขาลืมเปิดฮีทเตอร์ตอนกลางคืน

 

แต่มือของเขายังอบอุ่นจากความร้อนของซงมินโฮ

 

[end]

 

[os] keep it secret #namsong

keep it secret 

———————————–

Song Minho

&

Nam Taehyun

———————————–

005alpzwgw1eodwst34dkj312w0py10m

 

 

สัมภาษณ์คราวนี้เรานั่งติดกัน

 

โซฟาตัวกว้าง แต่ซงมินโฮขยับเบียดเข้ามาจนไหล่ชิดกับเขาอย่างไม่จำเป็น

 

แทฮยอนรู้สึกร้อนๆ แต่ก็ไม่ได้ขยับออกไปไหน

 

บทสัมภาษณ์ดำเนินไป พร้อมกับมุกตลกของมิโนที่มาพร้อมกับสัมผัส มือใหญ่แตะมือของเขาแผ่วเบายามที่อ้างถึงน้องคนเล็กของวง แทฮยอนหัวเราะตามและไม่ได้ขยับมือหนี มินโฮยิ้มในตาให้เขา นิ้วของเราเกาะเกี่ยวกันเหมือนไม่อยากปล่อย แต่ก็ต้องแยกจากในที่สุด

 

ซงมินโฮหันกลับมาอีกที สบตาเขาเนิ่นนานตอนที่กล้องไม่ได้ถ่าย

 

สายตาบอกเล่าความลับที่มีแต่เขาคนเดียวที่รู้
เรากำลังคบกันอยู่
แต่นอกจากเขาและซงมินโฮแล้วก็ไม่มีใครที่จะรู้เรื่องนี้ ก็มันเป็นความลับนี่นา เมมเบอร์ที่อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง พี่เมเน หรือแม้แต่ครอบครัว แทฮยอนไม่ได้บอกใครแม้แต่คนเดียว เขาไม่รู้ว่าฝั่งมินโฮคิดอย่างไร แต่การที่ปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายหรืออะไร แทฮยอนโดนคนล้อมาครึ่งชีวิตแล้วเพราะหน้าหวาน ๆ ของเขา เขาไม่ได้กลัวการจะต้องตกเป็นข่าว และอีกอย่าง การเป็นแฟนของซงมินโฮก็เป็นเรื่องดีมาก ๆ ต่อให้ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไปแล้วต้องถูกสังคมเล่นงานยังไง เขาว่ามันก็คุ้มอยู่ดี

 

มินโฮสามารถดูและชีวิตตัวเองได้ดี และดูแลเพื่อน ๆ ครอบครัวได้ดียิ่งกว่า ถ้าหากเข้าไปเป็นหนึ่งในวงจรคนสำคัญของซงมินโฮแล้ว ก็จะได้รับความรักที่ทุ่มเทให้จนหมด

 

แทฮยอนว่า จูบลับ ๆ ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือปลายนิ้วที่แอบเกาะเกี่ยวกันระหว่างคอนเสิร์ตมันน่าตื่นเต้นดีออก

 

 

ตอนที่เลิกงานโปรโมตที่ญี่ปุ่นกลับมาถึงโรงแรม ฝนปลายฤดูตกปรอย ลมเย็นพัดทำให้อุณหภูมิที่ผิวกายหนาวกว่าปกติ นัมแทฮยอนขยับเสื้อหนาวกอดกระชับเข้าหาตัวก่อนเดินลงจากรถเข้าไปใต้ร่มของพี่เมเนเจอร์มุ่งหน้าไปที่ประตูโรงแรม ซงมินโฮ พี่ชายตัวโตเดินตามลงมาเป็นคนที่สองใต้ร่มสีดำอีกคันกับพี่เมเนอีกคน จังหวะก้าวก่อนจะถึงหน้าประตูโรงแรมนัมแทฮยอนก็สะดุดแทบจะลงไปจับกบ พี่เมเนที่ถือร่มเดินเลยหน้าไปสองสามก้าว ฝนหยดโปรยโดยแก้มแทฮยอนเย็นเฉียบก่อนที่คนเดินตามมาทีหลังจะคว้าแขนเขาให้ขยับเข้าชิดตัวในร่มคันเดียวกัน

 

“พี่ไปก่อนเลยฮะ แทฮยอนเดินกับผมก็ได้”

 

เสียงทุ้มเอ่ยบอกพี่เมเนคนที่เป็นอดีตร่มของเขา พี่เขาเห็นว่าระยะทางไม่ไกลจากโรงแรมมากนักและร่างหมี ๆ แมว ๆ ของเขาสองคนยังสามารถเบียดกันในร่มคันนี้ได้โดยไม่เปียกฝนจึงพยักหน้ารับแล้วเอ่ยว่าจะเดินไปเช็คอินก่อน

 

“เข้ามาอีกสิ เดี๋ยวก็ไม่สบาย”

 

คราวนี้เสียงทุ้มเอ่ยกับแทฮยอน มิโนขยับมือจากแขนเลื่อนไปเป็นเอว ออกแรงโอบรั้งจนทั้งตัวของแทฮยอนแนบชิดไปกับตัวของซงมินโฮ

 

แล้วแทฮยอนก็เป็นคนขี้หนาว เขาเลยไม่ได้ว่าอะไรกับมืออุ่น ๆ นี่แถมยังเลือกที่จะให้ไหล่ของเขาเบียดติดกับอกกว้างอุ่นของอีกคนโดยดี

 

“เด็กดี”

 

เขาเหลือบมอง เห็นอีกฝ่ายยิ้มมุมปากอย่างพึงใจ เขาไม่ได้ออกฤทธิ์ต่อล้อต่อเถียงอะไรในครั้งนี้

 

เราไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันแค่สองคนมาสักพักแล้ว สองคนแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่นับตอนที่เราแอบกระซิบคุยกัน หรือตอนที่หลบออกมาแอบกินหนมระหว่างพักกองถ่าย ตอนที่อยู่หอพัก ไม่มินโฮก็เขามักจะมีเมมเบอร์คนอื่นอยู่ด้วยตลอด อยู่กันห้าคนก็สนุกดี แต่บางทีในวันฝนตกอากาศหนาว ๆ แทฮยอนก็ชักจะคิดถึงความอบอุ่นจนร้อนของซงมินโฮ

 

เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงทางเข้าโรงแรม เมื่อก้าวเข้าเขตเงาของโรงแรมเราก็ขยับออกห่างกันโดยอัตโนมัติถึงอย่างนั้นซงมินโฮก็ยังคว้าข้อมือเขาไว้ รั้งตัวให้เขาหันมาจ้องหน้าด้วยระยะที่ใกล้เกินจำเป็น

 

ราวห้าวิที่เราจ้องตากันเงียบ ๆ ไม่มีคำพูดอะไรแต่สายตาเราสื่อกันเป็นพันถ้อยคำ ซงมินโฮยิ้มมุมปากอย่างที่เคยชิน ก่อนจะขยับดึงแขนเสื้อฮูดดี้สีดำเนื้อสำลีของตนเองแล้วใช้แขนเสื้อนั้นเช็ดน้ำฝนบนแก้มแทฮยอนออก

 

เรื่องเอาใจใส่และช่างสังเกต ไม่มีใครเกินซงมินโฮ

 

สัมผัสของเสื้อเปลี่ยนเป็นสัมผัสของปลายนิ้วมืออุ่นเกลี่ยไล่จากแก้มลงมายังริมฝีปากเย็นเฉียบของเขา สายตาเหลือบต่ำไปตามปลายนิ้ว ไม่ได้สบตาเขาอีกต่อไปบ่งบอกว่าตอนนี้ความสนใจของซงมินโฮอยู่ที่ตรงไหน ระยะห่างที่มีไม่มากใกล้เข้ามาอีกจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ปลายจมูก แต่สุดท้ายก็หยุดลง ยิ้มมุมปากของอีกฝ่ายเปลี่ยนยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นแก้มเขาขึ้นเป็นสีแดงจางๆ

 

“เขินเหรอ”

 

เสียงทุ้มต่ำแซวในเรื่องที่ไม่ควรถาม

 

แทฮยอนรู้…เราไม่กล้าขนาดจะจูบกันหน้าโรงแรมหรอก

 

“เช็ดแรงหรอก เจ็บนะเนี่ย”

 

เขาโวยกลับ ถึงทำเสียงเข้มแต่กลับหลบสายตาที่สื่อถึงความเอ็นดูนั้น สายตาที่หวานจนแทฮยอนต้องรีบเฉไฉหาเรื่องคุยกลบเสียงหัวใจของตัวเอง “เออ แล้วคนอื่น?”

 

“สองซึงกับพี่จินอูไปช็อปปิ้ง”

 

ซงมินโฮตอบพร้อมกับเดินนำหน้าน้องชายร่วมวงเข้าไปในโรงแรม ตรงไปหาพี่เมเนเจอร์ที่ยืนถือกุญแจรออยู่หน้าเคาเตอร์

 

“พี่อยากได้รองเท้านี่ ทำไมไม่ไปกับพี่ซึงฮุนล่ะ”

 

ตอนที่ซงมินโฮหันกลับมาคลี่ยิ้มล้อแทฮยอนถึงรู้ว่าไม่ควรถามคำถามนี้เลย แต่มินโฮก็ตอบก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเรื่องอีกครั้งได้

 

พร้อมสายตาคมที่แทฮยอนรู้คำตอบก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยด้วยซ้ำ

 

 

“รองเท้าก็อยากได้ แต่ก็อยากอยู่กับนายมากกว่า”

 

แทฮยอนข่วนไปหนึ่งที

 

บอกพี่เมเนว่าจะแชร์ห้องกับมินโฮแล้วคว้ากุญมาแค่อันเดียว

 

ตอนที่ลากกระเป๋ามาขึ้นลิฟท์ เสียงหัวเราะในคอของมินโฮที่เดินตามหลังมานี่น่าหมั่นไส้ชะมัด

 

รอให้ถึงห้องก่อนเถอะ แทฮยอนจะปิดปากให้สนิท เอาให้หัวเราะล้อเขาไม่ได้เลย

 

[end]
คืออะไร ทำไมสั้นจัง 5555

ชอบเวลาสองคนนี้เขาแตะตัวกันตอนเวลาออกทีวี เหมือนไม่ได้ตั้งใจนะ แต่ดูสายตาเขาสิ….

เรื่องนี้น่าจะเขียนเป็นตอนสั้น ๆ แบบนี้แหละ มาตอนที่นัมซงเขามีโมเม้นท์กัน แต่ยังไม่รู้เลยจะได้เขียนอีกหรือเปล่า บางทีโมเม้นมี อารมณ์เขียนมี แต่ไม่ค่อยมีกำลังใจเขียนเลย ดีไม่ดีก็ขอคอมเม้นท์เป็นกำลังใจหน่อยน้า 💕

#ความลับนัมซง

 

[os] away #namsong

away

———————————–

Song Minho

&

Nam Taehyun

———————————–

แทฮยอนลืมตาตื่นขึ้นเอง

 

มองไปรอบตัว ไม่ใช่ห้องนอนเขา

 

ใช้เวลาปรับสมองอีกพักก่อนจะนึกขึ้นได้

 

อ่า…เขาอยู่บนเครื่องบิน

 

กำลังไปแคนาดา

 

เสียงประกาศของนักบินดังขึ้น แทฮยอนถึงพึ่งรู้ตัวว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตื่น เครื่องบินใกล้จะแลนดิ้ง

 

งั้นก็ไม่ใช่สิ เขาถึงแคนาดาแล้วต่างหาก

 

ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ผืนดินเบื้องล่างมีหิมะปกคลุมไปทุกที่ทำให้เมืองทั้งเมืองดูขาวโพลน ตึกเล็กจิ๋วราวกับของเล่นที่ถูกสร้างด้วยหิมะสลับแซมด้วยต้นไม้แห้งเป็นสีน้ำตาล

 

ชวนเหงา

 

และชวนให้เขาอดนึกไปถึงใครบางคนไม่ได้

 

. . . . . . . . . . . . . . .

 

“แทฮยอน!!”

 

เสียงประตูห้องนอนเปิดปัง พร้อมกับเสียงเรียกชื่อเขาจากคนที่กระหืดกระหอบเข้ามา แม้แต่โค้ทก็ยังไม่ถอดแขวนไว้ตรงทางเข้าประตูเลย บนศีรษะมีเกล็ดขาว ๆ ที่ยังไม่ละลาย …นี่วิ่งฝ่าหิมะมาหรือไงเนี่ย ลื่นหกล้มหน้าพังไปจะเป็นยังไง

 

“ว่า?”

 

แทฮยอนหันมองว่าใครมา แล้วก็หันกลับไปเก็บข้าวของที่เขารื้อมาวางเกลื่อนบนเตียงของตนเองลงกระเป๋าเดินทางต่อ

 

“พี่เขาบอกว่านายจะไปแคนาดาเย็นนี้? ทำไมกระทันหันจัง แล้วทำไมไปคนเดียว จริงเหรอ? ”

 

“พี่เขาเคยล้อเล่นไง๊?”

 

“แทฮยอน ฉันซีเรียสนะ” มือใหญ่ของอีกฝ่ายจับตัวของเขาให้หันไปหาแล้วเขย่าเอาคำตอบ แทฮยอนบิดแขนตัวเองออกจากมือเย็นเฉียบของซงมินโฮแต่ก็ยอมตอบคำถาม

 

“เออๆๆๆ ใช่ ไปถ่ายเก็บโซโล่เอ็มวีของผม”

 

“ก็ถ่ายเสร็จแล้วนี่”

 

“เห็นว่าอยากได้ฉากหิมะตกเพิ่ม”

 

“เกาหลีก็มีหิมะมั้ยล่ะ?”

 

“เมืองมันไม่เหมือนกันป้ะพี่ แล้วลอนดอนก็ยังหิมะไม่ตก กว่าพี่เขาจะหาโลเคชั่นได้แทบแย่เลยนะ”

 

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหมดข้อที่จะมาแย้งแล้ว ซงมินโฮเงียบไป

 

“ไปแค่สี่วันเองเดี๋ยวก็กลับ”

 

แทฮยอนพูดต่อฝ่าความเงียบที่เว้นระยะนานเกินไป

 

“….พี่ไปด้วยสิ…”

 

ประโยคของมินโฮตามมาด้วยน้ำหนักที่นั่งทิ้งลงบนเตียงและอ้อมกอดจากข้างหลัง กอดแน่น… และอุ่นจนแทฮยอนแปลกใจ ทั้งที่มือก็เย็นขนาดนั้นแท้ ๆ

 

“ตลกแล้ว พี่จะบอกคนอื่นว่าไง ตั๋วก็ไม่มี”

 

“บอกว่าไปคุมแฟน แปลกตรงไหน”

 

“เหอะ”

 

แทฮยอนทุบให้ไปหนึ่งที ยอมปล่อยให้มือยาวๆ นั่นกอดเอวต่อไป เขาเลิกเก็บของแล้ว ถึงยังไงเขาก็เลือกไอ้ชุดที่จะใส่ไปกองนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้วและไม่มีท่าทีว่าจะเสร็จ

 

แทฮยอนหันหน้ากลับไปหามินโฮ

 

มือใหญ่ลูบแก้มเขาเบามือก่อนเลื่อนไปเล่นผมสีทองจนแทฮยอนก็เพลินไปเหมือนกัน สายตาเราจับจับจ้องกันและกัน

 

แทฮยอนเอานิ้วจิ้มหว่างคิ้วของอีกฝ่ายที่ขมวดเข้าหากันแน่น

 

“แปลก โวยวายทำยังกับไม่เคยห่างกัน”

 

“เคยห่าง แต่นายไม่เคยต้องไปต่างประเทศคนเดียวอย่างงี้ป้ะ”

 

แทฮยอนเปลี่ยนจากนิ้วเป็นริมฝีปากของเขา แผ่วเบา ก่อนขยับออกมา มือเอื้อมปัดเกล็ดหิมะที่อยู่ตามตัวของอีกคนก่อนที่มันจะละลายกลายเป็นน้ำที่ทำให้อุณหภูมิของอีกฝ่ายลดลง

 

แทฮยอนชอบความอบอุ่นของมินโฮ ชอบมืออุ่น ๆ ที่เกาะกุมมือเขา ชอบไหล่สีแทนเนียนที่ยอมให้เขาพิงอยู่เสมอ ชอบวิธีกอดของซงมินโฮที่สามารถทำให้เขาจมกับอกไปได้ทั้งตัวแม้เราจะดูขนาดตัวไม่ต่างกันนัก

 

ตอนแรกเขาก็คิดว่ามันจะโอเค เขาไปทำงาน แค่ไม่กี่วันด้วย ถึงจะไม่มีเมมเบอร์ในวงไปแต่ก็มีสต๊าฟไปด้วยหลายคน แทฮยอนคิดว่ามันจะโอเค แต่พอมือของซงมินโฮเกี่ยวเอวเขาไว้แบบนี้ เขาชักเริ่มไม่แน่ใจ

 

“แทฮยอน… ฉันเข้าใจนะ แต่มันกะทันหันไปจริง ๆ เมื่อคืนฉันยังนอนกอดนายอยู่เลย แล้วนี่….”

 

“งั้นตอนนี้ก็กอดให้พอสำหรับสี่วัน”

 

ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะอ้อน ซงมินโฮควรจะจดว่ามันเป็นวันพิเศษแห่งปี เป็นวันที่แทฮยอนขยับเข้าไปกอดหมีตัวโตก่อนแน่นๆ  หน้าซุกหลบลงกับไหล่เฉียดข้างลำคอ อีกฝ่ายดูชะงักไปพักนึงแล้วก็กอดเขากลับ แทฮยอนชอบวิธีการกอดของอีกฝ่ายจริง ๆ มันนุ่มนวล อบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็แน่นจนยืนยันว่าอีกฝ่ายจะไม่มีทางปล่อยเขาไปไหน

 

เรากอดกันอยู่อย่างนั้นนานเกือบ 5 นาทีได้

 

จนกระทั่งพี่เมเนโทรเข้ามาบอกว่าจะไปรับในอีก 2 ชั่วโมง

 

หลังจากนั้นแทฮยอนก็จับทุกอย่างยัดลงกระเป๋าโดยมีมินโฮช่วย 2 ชั่วโมงเป๊ะพี่เมเนเจอร์ก็มาถึงแล้วช่วยหิ้วกระเป๋าเขาลงจากหอไปก่อน

 

ซงมินโฮดึงข้อมือเขาไว้ตอนที่แทฮยอนใส่รองเท้าเสร็จแล้วกำลังจะออกจากประตูหอไป อ้อมกอดของอีกฝ่ายโอบล้อมเขาไว้อีกครั้ง

 

ตอนที่มินโฮปล่อยมือ ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร แค่กระชับเสื้อโค้ทตัวหนาของเขา ขยับผ้าพันคอให้ เอิ้มมือมาลูบหัว เสยผม ก่อนถอดหมวกแบรนด์โปรดที่ใส่ติดตัวตั้งแต่กลับมาสวมให้กับแทฮยอน

 

“ระวังอย่าเป็นหวัดล่ะ”

 

 

. . . . . . . . . . . . . . .

 

 

20 ชั่วโมงที่นั่งเครื่องมาทำเอาเขาปวดไปทั้งตัว

 

อากาศเย็นจัดปะทะใบหน้าตอนที่ก้าวขาออกจากสนามบิน

 

อุณหภูมิ -16

 

จริง ๆ อากาศก็ไม่ได้ต่างจากโซลเท่าไร แต่แทฮยอนรู้สึกได้ว่ากลิ่นความหนาวของที่นี่กับที่โซลไม่เหมือนกัน

 

หรือจริง ๆ อาจจะเป็นเพราะตอนอยู่โซล เขาได้กลิ่นน้ำหอมคุ้นจมูกของคนข้างตัวตลอดเวลาจนคิดว่ามันเป็นกลิ่นอากาศหนาว

 

รถบัสคันใหญ่แล่นผ่านไปทิ้งลมหนาวตีเข้าหน้าทะลุผ่านเสื้อโค้ทจนทำให้ตัวสั่น การอยู่คนเดียวในต่างถิ่นทำให้ความโดดเดี่ยวแผ่กระจายไปทั่วความรู้สึก

 

ถ้าได้อ้อมกอดอุ่น ๆ ทั้งความหนาวและความเหงาคงจะหายไป

 

แทฮยอนกระชับหมวกสีเดียวกับหิมะ มันไม่ได้ช่วยเรื่องความหนาวเท่าไร แต่ช่วยเรื่องความเหงาได้นิดหน่อย

 

นัมแทฮยอนหลับตาลง

 

เขาคิดถึงซงมินโฮ

 

 

[end]

[os]#Unexpectedadoption

#Unexpectedadoption

———————————–

Song Minho

&

Nam Taehyun

———————————–

 

 

ตีสองแล้ว

 

ห้องน้องเล็กของวงยังคงปิดไฟเงียบ จริง ๆ ก็ไม่ต่างกับห้องสมาชิกคนอื่นในวงที่ก็ปิดไฟมืดไปตั้งแต่เที่ยงคืนเท่าไร เพียงแต่ว่างห้องของน้องเล็กนั้นเงียบสนิทมารวม 2 คืนแล้ว

 

ถ้าคืนนี้ซงมินโฮนอนไปเลยโดยไม่ได้เจอหน้าแทฮยอนก่อนก็จะเป็นคืนที่ 3

 

เลขไม่ได้ต่างกันมากแต่ในใจของเขามันดูเหมือนนานเป็นเดือน

 

ก็เพราะเราไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้

 

 

 

มินโฮกดเปิดโปรแกรมแชทคาทกในมือ

 

‘แทฮยอนอ่าาา ถึงไหนแล้วววว’

 

อีกฝ่ายยังไม่ได้เปิดอ่านข้อความที่เขาทักไปตั้งแต่ตอนที่เห็นแทฮยอนอัพเดตรูปในอินสตาแกรมว่าถ่ายงานเสร็จแล้ว

 

เขาถอนหายใจแผ่วเบา ทำใจให้คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะยังคงยุ่งอยู่ พี่เมเนคงกำลังบรีฟงานวันพรุ่งนี้  แทฮยอนอาจจะแค่ไม่มีเวลาตอบ

 

ตอนอีกฝ่ายกำลังเหนื่อย เขาไม่ควรจะงี่เง่าใส่

 

แม้เขาจะคิดถึงแทฮยอนมากแค่ไหนก็ตาม

 

สามคืนสองวันที่ไม่ได้เจอกัน แทฮยอนคิดถึงเขาอย่างที่เขาคิดถึงอีกฝ่ายไหม?

 

วันแรกของการถ่ายรายการ Actor School  เขาดื้อแม้แต่ตามไป นั่งไปในรถตู้เพื่อไปส่งอีกฝ่ายที่กองถ่าย จูบทิ้งท้ายก่อนที่อีกฝ่ายจะหอบของลงจากรถไป ส่วนหลังจากนั้น….เหมือนมีใครมาสุมไฟในอก คาทกไม่ถึง 10 ประโยคระหว่าง 3 วัน 2 คืนที่แทฮยอนถ่ายรายการทำให้หัวใจของซงมินโฮร้อนเป็นไฟ

 

เขารู้ว่ามันงี่เง่า… งี่เง่าเหลือเกินที่จะทะเลาะกันเพราะอีกฝ่ายต้องทำงาน

 

แต่คนที่ห่างกัน และไม่สามารถพูดคุยกันได้แบบนี้

 

ไม่มีอะไรจะสามารถทำให้ใจของซงมินโฮสงบลงได้เลย

 

‘ตึ้ง’

 

แม้จะไม่ใช่เสียงเตือนจากคาเคาทอล์กแต่มินโฮก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หวังว่าจะเป็นข้อความหรืออะไรสักอย่างจากคนที่เขาแต่อยู่แต่สิ่งที่เห็นบนหน้าจอคือโนติฟิเคชั่นเด้งเตือนว่ามีคนเมนชั่นเขาในอินสตาแกรม มินโฮลองดูก็เห็นว่าเป็นแฟนคลับที่เมนชั่นถึงเขาใต้รูปของซึงยุน

 

ตอนแรกเขาก็งง ๆ

 

แต่พอกดเข้าไปอ่านก็เข้าใจ

 

‘ทำไมแทฮยอนไม่รู้ล่ะว่าเพลงตัวเองจะออก นายทำเพลงด้วยกันรึเปล่า ซงมินโฮไปไหนเนี่ย คึคึคึ’

 

บนคอมเม้นจากแฟน ๆ ที่เมนชั่นถึงเขามีข้อความของนัมแทฮยอนปรากฏอยู่

 

เขาไม่ได้ขำด้วยเลย

 

อ่อ…ตอบคาทกเขาไม่ได้แต่เล่นไอจี คอมเม้นรูปคนอื่นได้

 

บางทีเขาก็ไม่เข้าใจแทฮยอนสักนิด

 

ความรู้สึกน้อยใจตีวนกันอยู่ในอก ความคิดถึงของเขากำลังเปลี่ยนแปรเป็นความน้อยใจ

 

ซงมินโฮ….ยังสำคัญกับแทฮยอนบ้างไหม

 

 

เสียงกดรหัสเข้าประตูดังขึ้นก่อนจะมีเสียงคนเดินเข้าหอพักของพวกเขามาระหว่างที่มินโฮเหม่อสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ไปมา เดาได้ไม่ยากหรอกเพราะมีคนเดียวที่ยังไม่กลับหอ

 

ในใจเขาเต้นรัว ดีใจที่อีกฝ่ายถึงบ้านแล้วแต่อีกใจก็ลังเลว่าจะลุกไปดูดีมั้ย สุดท้ายทิฐิก็ดึงเขาไว้กับเตียงนอนฟังเสียงคนเดินไปมา ให้เดา…แทฮยอนก็คงมีพี่เมเนมาส่งล่ะมั้ง

 

ดูท่าคนที่พึ่งเข้ามาก็ไม่อยากปลุกคนอื่น เสียงฝีเท้าแผ่วเบา เดินไปพร้อมกับเสียงลากของไปที่ห้องแทฮยอน

 

ก็อกๆ

 

“มิโน”

 

จู่ ๆ พี่เมเนก็เคาะห้องแล้วเปิดประตูเข้ามาโดยไม่รอเสียงตอบรับจากเขาทำเอาซงมินโฮสะดุ้งนิด ๆ ความหวังวูบนึงในใจดับลงเมื่อมองเลยพี่เมเนไปแล้วมีแต่ความมืด  ไม่มีเงาของอีกคน…

 

“ยังไม่นอนอีก พรุ่งนี้งานเช้านะ”

 

“อ่า ครับพี่ อีกแป็บนึง”

 

“ที่จริงยังไม่นอนก็ดี ฝากดูแทฮยอนด้วยล่ะอย่าให้หวัดกิน เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจับกินยาด้วยนะ เฮ้อ ไม่รู้ถ่ายรายการอะไรกันทั้งวันทั้งคืนหนาว ๆ เนี่ย”

 

พี่เมเนบ่นต่ออีกสองสามประโยค มองเห็นเขาพงกหัวรับคำแล้วก็บอกลา ปิดประตูห้องนอนของมินโฮคืนเหมือนเดิม เขาได้ยินเหมือนพี่เมเนเดินไปที่ห้องแทฮยอน มีเสียงพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนเสียงฝีเท้าจะเดินกลับออกไปทางประตูหอ

 

แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิทลงเหมือนเดิม

 

มินโฮคิดอยู่ว่าจะเดินไปดูแทฮยอนตามที่พี่เมเนบอกดีมั้ย

 

แต่ตอนนี้เขางอนแทฮยอนอยู่

 

“แกร่ก  แกร่ก  แกร๊ก…”

เสียงกุกกักดังหน้าประตูห้องนอนอีกครั้ง ก่อนที่ประตูห้องนอนของซงมินโฮจะแง้มออก เขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีก

 

บางทีแทยอนอาจจะมาง้อ….

 

แต่ไม่ใช่

 

แมวง่วงตัวที่ 1 เดินเข้ามา

 

เขาว่าเจ้าเหมียวที่หอพักของพวกเขาชักจะฉลาดเกินไปแล้ว เปิดกระตูเข้าออกห้องเป็นว่าเล่นจนบางทีมินโฮก็เริ่มหลอน

 

“เมี๊ยว”

 

หน้ากลม ๆ ขาสั้น ๆ ตัวฟู ๆ ส่งเสียงทักทายเขาหนึ่งทีก่อนจะถือวิสาสะกระโดดตุ๊บขึ้นเตียงแล้วนอนแหมะข้างตัวเขา มินโฮเอื้อมมือไปเกาคอให้แต่ใจกลับคิดไปถึงเจ้าของแมว

 

“พอลลี่อา ทำไมไม่ไปนอนที่ห้องล่ะ”

 

ถึงเจ้าเหมียวจะไม่ตอบ มินโฮก็พอเดาได้ล่ะนะ

 

“ง๊าว”

 

เสียงของพอลลี่ฟ้องเขา บางทีมันคงจะบอกว่าโดนแทฮยอนโยนออกจากห้องมาเพราะเข้าไปพันแข้งพันขาดีใจตอนที่แทฮยอนกลับมา แต่ตอนนี้พ่อแมวคงจะง่วนกับการรื้อของ เก็บของ จัดการกับตัวเอง แถมยังง่วงแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดจนพาลใส่แม้กระทั่งแมว

 

นั่นสิ…ถ้าเขาเข้าไปหาแทฮยอนตอนนี้ก็คงไม่พ้นถูกโยนออกมาเหมือนกัน

 

มิโนถอนหายใจอีกครั้ง

 

นานเท่าไรแล้วไม่รู้ที่เขานอนเกาคางพอลลี่เล่น หน้ากลม ๆ ตัวอวบ ๆ สายตาติดจะเหวี่ยงนิดหน่อยพร้อมลายเทาสลับขาวตรงหน้าผากทำให้ซงมินโฮคิดถึงเจ้าของแมวอย่างช่วยไม่ได้

 

กำลังจะฟัดพุงเจ้าพอลลี่เสียงแกรกกรากที่ประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

ไม่ใช่ว่าเจ้าบัลลี่ก็โดนโยนออกมาอีกตัวหรอกนะ

 

แกร๊ก….

 

ประตูห้องนอนของซงมินโฮเปิดออก

 

ไม่ใช่แฮะ

 

คราวนี้เป็นแมวยักษ์ที่ฉลาดกว่าแมวไหน ๆ

 

…แทฮยอน…

 

เด็กง่วงเดินลากผ้าห่มขยี้ตาหัวฟูเข้ามาในห้องเขา แทฮยอนจากที่ขาวอยู่แล้วกลับดูซีดกว่าปกติ ใบหน้าดูเหน็ดเหนื่อย เหมือนหลับตาเดินเข้ามาด้วยซ้ำ ร่างขาวใต้เสื้อชุดนอนบางเบาติดกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำและแชมพูลอยมาแต่ไกล

 

แทฮยอนเดินมาถึงเตียงเขาถูกทั้งที่ตาปิด ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ มือขาวก็คว้าหมอนใบโปรดที่มาทิ้งไว้ที่ห้องนี้นานแล้วมาวางที่ริมฝั่งเตียง ทิ้งตัวลงแล้วเบียดตัวเข้าหาเขาจนพอลลี่ที่นอนให้มินโฮเกาคางอยู่ร้องแป๊ว มองแทฮยอนโกรธ ๆ แล้วเดินขยับไปนอนที่ปลายเตียงแทน

 

นี่คือการง้อของเจ้าเหมียวหรือเปล่า?

 

“…..”

 

“…….”

 

แทฮยอนไม่ได้พูดอะไรสักคำ และเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เห้ เขายังโกรธอยู่นะถึงมือจะลูบหัวแทฮยอนแล้วขยับตัวเข้าไปในเตียงอีกเพราะกลัวแทฮยอนจะนอนไม่ถนัดก็ตาม

 

“หยิบยาให้หน่อย”

 

เป็นแทฮยอนที่เปิดปากพูดขึ้นก่อน ทั้ง ๆ ที่ลิ้นชักข้างเตียงใกล้ตัวแทฮยอนมากกว่าแท้ ๆ แต่มินโฮก็ยอมขยับลุก เอื้อมตัวข้ามแทฮยอนไปดึงลิ้นชักแล้วหยิบกระปุกยาพร้อมน้ำที่เขามีติดห้องไว้เสมออยู่แล้วมาก่อนจะสะกิดเรียกอีกฝ่าย แทฮยอนผงกตัวขึ้นมานิดเดียว กินยา กินน้ำตามทั้งที่ยังไม่ลืมตาแล้วขยับตัวลงไปนอนเหมือนเดิม

 

“ถ่ายงานหนักเหรอ”

 

“อือออ”

 

“………..”

 

“ถ่ายทั้งวันเลย กลางคืนด้วย”

 

“……………..”

 

“ง่วง แต่อยู่ห้องตัวเองแล้วนอนไม่หลับ”

 

ร่างขาวบ่นหน้านิ่วคิ้วขมวด มือวาดเปะปะพอเจอตัวเขาก็ดึงเสื้อให้ลงมานอนข้างกัน มินโฮเห็นอีกฝ่ายซุกหน้าหนีแสงไฟเลยเอื้อมแขนไปกดปิดสวิตช์ก่อนที่เขาจะยอมลงมานอนข้าง ๆ แมวดื้อที่ขยับตัวมาหนุนแขนเขาแทนหมอนของตัวเองทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความมือพาให้เขาลดเสียงลงเป็นกระซิบไปด้วย

 

“ไปนอนห้องซึงยุนสิ”

 

“อะไร พี่จินอูก็อยู่มีที่นอนที่ไหน”

 

“…..”

 

“อ๋อ นี่งอนอยู่เหรอ”

 

ดวงตาสีดำขลับลืมขึ้นมามองเขาในความมืด คิ้วเรียวที่ชี้ตกลงบอกอารมณ์ว่าอีกฝ่ายทำลังสงสัย

 

“เออ งอน”

 

“งอนอะไรอ่ะ”

 

เขาตอบคำถามแทฮยอนด้วยจูบตรงหว่างคิ้วของอีกฝ่าย

 

“งอนอะไรตอบบบบ”

 

คราวนี้เป็นจูบที่ริมฝีปากชมพูที่เริ่มโวยวาย

 

“งื้ออออออออออ เออ งอนไปเลย”

 

แทฮยอนยอมแพ้ในที่สุด แมวยักษ์ตัวนิ่มซุกหน้ากับอกเขาแทนแล้วเอาหัวไถ ๆ บ่นอะไรกับอกเขาไม่รู้

 

 

“อะไร ฟังไม่รู้เรื่องเลย”

 

อีกฝ่ายส่งเสียงอู้อี้ในคอที่เขาฟังไม่รู้เรื่องอีกรอบ

 

ซงมินโฮอดหลุดหัวเราะขำแมวงอแงไม่ได้

 

จริง ๆ เขาคอยแทฮยอนมาทั้งวัน วันนี้เอาแต่มองโทรศัพท์จนไม่เป็นอันทำเพลง พออีกฝ่ายเลิกงานกลับไม่ตอบเขา แถมพอถึงบ้านก็ไม่ค่อยได้คุยกัน

 

ตอนแรกเขาก็นอยด์ แต่พอแมวยักษ์มาอ้อนแบบนี้เขาก็ทำใจโกรธไม่ลงหรอก

 

“แล้วนี่มาทำอะไรอะ มาหาแมวเหรอ”

 

มินโฮกำลังจะพูดต่อเลยว่า เจอแมวแล้วก็กลับไปนอนที่ห้องสิแต่เด็กง่วงพึมพำตอบมาเสียก่อน

 

“เปล่า มาหาพี่นั่นแหละ”

 

มินโฮว่าเขาจะเริ่มช่วยวงประหยัดไฟตั้งแต่วันนี้แ แทฮยอนควรจะนอนกับเขาที่นี่จะได้ไม่ต้องไปเปิดฮีทเตอร์ที่ห้องตัวเองให้เปลือง เขารับรองได้เลยว่าฮีทเตอร์ห้องเขาและอกของซงมินโฮคนนี้ อุ่นพอที่จะทำให้นัมแทฮยอนไม่เป็นหวัดแน่ๆ

 

เขาคิดอะไรต่ออีกเรื่อยเปื่อยระหว่างที่คลี่ผ้าห่มคลุมไหล่ของคนข้างกายแล้วเอื้อมแขนไปโอบกอดให้แน่นขึ้นอีก อดยิ้มไม่ได้กับการที่ได้มีนัมแทฮยอนในอ้อมกอด มือลูบผมนิ่มเล่นเพลินมือเหมือนกับตอนที่เกาคอเจ้าพอลลี่ อีกฝ่ายก็คงจะเพลินเหมือนกันเพราะนอนนิ่งเลิกขยับตัวยุกยิกไปมาแล้ว

 

ริมฝีปากชมพูจางอยู่ใกล้จนเขาต้องก้มลงไปสัมผัสอีกที ก่อนจะกระซิบแผ่วข้างแก้ม

 

“ฝันดีนะแทฮยอน”

 

แทฮยอนตอบกลับด้วยการขยับตัวเปลี่ยนท่า แมวเจ้าเล่ห์ยกตัวขึ้นมาจุ๊บเขาเร็ว ๆ แล้วกลับไปนอนตามเดิม มือขาวเอื้อมมากอดเอวเขาไว้ ใบหน้าหวานซุกกับอกเขาจนน่ากลัวจะหายใจไม่ออก

 

แต่เขาเชื่อว่าแทฮยอนจะนอนหลับฝันดี

 

หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้นอนเลย

 

ขึ้นอยู่กับท่าทีแทฮยอนหลังจากจูบนี้ล่ะนะ

 

[end]

 

12298939_518984411603109_1241329987_n

 

[os] Marine blue

Marine blue

———————————–

Song Minho & Nam Taehyun & Bang Yong Guk

———————————–

คนมาทะเล…..ไม่หนีร้อนก็หนีรัก

 

ซงมินโฮนึกถึงคำกล่าวนี้ระหว่างที่นั่งอยู่บนหาดทรายริมทะเลมองลมพัดเกลียวคลื่นเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เขานั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าไรแล้วไม่รู้ เท่าที่จำได้เหมือนตอนแรกพระอาทิตย์ยังอยู่เยื้อง ๆ ออกไป แต่ตอนนี้มีเพียงแสงสีแดงส้มที่ชวนให้เหงาจับใจ
จริง ๆ นานเท่าไรก็ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่จำเป็นต้องไปไหนอยู่แล้ว แค่อยู่ตรงนี้เฉย ๆ รอให้หมดไปอีกวัน

 

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นซ้ำอีกครั้ง ร่างสูงทำได้แค่เพียงมองโทรศัพท์ในมือโดยไม่มีท่าทีว่าจะกดรับ เพียงแค่เห็นชื่อคนโทรมา ก็เหมือนน้ำตาจะรื้นขึ้นมาอีก
‘Yonguk is calling’
เขาอยากจะขว้างทุกอย่างลงไปในทะเล เพื่อที่จะไม่ต้องเห็นชื่อที่ทำให้หัวใจบีบเจ็บ

แต่เขาก็ตัดใจทำไม่ลง

ไม่เคยมีความกล้าพอเลย

 

คนโทรดูเหมือนจะมีความอดทนมากพอที่จะรอจนสายตัดไปเอง เสียงเรียกเข้าฝั่งเขาเงียบไปแต่แล้วก็กลับดังขึ้นมาใหม่ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที ยงกุกโทรมากี่ครั้งแล้ว? ถึงร้อยได้แล้วล่ะมั้ง บางทีเขาก็แปลกใจที่ทำไมแบตไม่หมดไปสักที ความช่างตื๊อของอีกฝ่ายทำให้ซงมินโฮยอมแพ้ในที่สุด ถึงแม้เขาจะรู้ว่าถ้ากดรับ เขาเองที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

เขาถอนหายใจยาว

 

“ฮัลโหล…”

 

“ซงมินโฮ…นายอยู่ที่ไหน”

 

“…..” เขาตอบกลับไปได้แต่ความเงียบ น้ำเสียงที่คุ้นเคยของอีกฝ่ายฟังดูร้อนรน เขารู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้..แต่มินโฮก็เลือกที่จะหนีมา หนีมาให้ไกล เขาทนเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ได้

 

“นายไม่ควรทำแบบนี้กับฉันนะ…เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา”

 

‘ความสัมพันธ์ของเรา…’ เขาอดทวนแล้วแค่นหัวเราะในใจไม่ได้ แต่เรื่องครั้งนี้เขาเองก็ผิด

 

“ฉันขอเวลา ยงกุก…เดี๋ยวมันก็จบลงแล้ว ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับไป”

 

“มินโฮ นายสัญญามาก่อนหน้านี้ แล้วนายก็ทำไม่ได้ จะให้เชื่อนายอีกครั้งได้ยังไง” เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโมโห แต่เขาเอง…ก็ไม่มีทางทำอะไรดีกว่านี้ได้หรอก

 

“ยงกุก ฉันเสียใจ…” เป็นคำตอบสุดท้ายของเขา มินโฮรู้ว่าอีกฝ่ายจับเสียงสั่นเครือของตนได้ และนั่นก็คงเป็นฟางเส้นสุดท้าย

 

“ย่า! มิโน นายไม่ต้องมาแกล้งร้องไห้ ต่อให้นายหนีไปไหน หนีไปจนสุดโลกฉันก็จะตามหานายจนเจอ ฉันเตือนนายแล้ว นายสัญญา และนายก็ไม่เคยทำได้ เงินหนึ่งล้านวอนฉันจะต้องได้คืนภายในวันนี้ ถ้านายใช้หนี้ฉันภายในวันนี้ไม่ได้ นายก็ต้องชดใช้ด้วยร่างกายของนาย!!!”

 

สิ้นเสียงตะโกนของอีกฝ่ายที่ทำให้หูแทบแตกสายก็ตัดไป

 

ฮอลลลลลล มิโนอยากจะร้องไห้หาอมม่า

 

มาทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรัก

 

สำหรับเขา ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง

 

เขามาทะเลหนีหนี้!!!

 

– – – – – – – – – – – – – – – – – – –

 

ตั้งแต่เด็ก ๆ เ แม่เขาสอนเสมอว่าอย่าเป็นหนี้นอกระบบ มินโฮก็ไม่เคยพลาด

 

กระทั่งคืนดวงตกวันหนึ่งตอนที่เขาไปเที่ยวกับแกงค์เพื่อนซี้ที่เมกา เขาดันไปเจอตุ๊กตามินเนี่ยนไซส์เท่าคนออฟฟิศเชียลลิมิตเตท มี 3 ตัวในโลก อื้อหือ ของแรร์ขนาดนี้ไม่เก็บได้ไง

 

….แต่เงินที่แลกมาไม่พอ…

 

“ฉันให้ยืม แต่นายต้องคืนภายในเดือนนี้ ไม่งั้น…” ตอนนั้นยงกุก เพื่อนซี้ในกลุ่มเดียวกับเขาที่มาเที่ยวด้วยกันเสนอ ก่อนทำท่าปาดคอประกอบ ความอยากได้ทำให้มินโฮหน้ามืดตามัว เขาตอบตกลงโดยไม่ฟังคำเตือนของฮยอนแท

 

“มึงระวังไว้ดีกว่า ไอ้นี้มันตัวอันตราย บ้านมันก็มีธุรกิจหลายอย่าง ไม่มีเงินคืนขึ้นมาจะซวยเอา”

แล้วไงอ้ะ? เขาแค่ยักไหล่ใส่ฮยอนแทหนึ่งที ก็ถึงยังไงปลายเดือนนี้กองทุนเขาจะครบกำหนดขายได้พอดีเขา มีเงินคืนอยู่แล้ว มันจะไปมีปัญหาอะไรเล่า

 

ใครจะรู้ว่าปลายเดือนจองยงกุกคือปลายเดือนจริง ๆ  และเขาก็ต้องรอตั้งสามวันกว่าเงินที่ขายกองทุนจะเข้าบัญชี

 

เช้าวันที่ 31 สิ้นเดือน โทรศัพท์สายมรณะดังตั้งแต่เช้า

มินโฮคนจริงรับสาย แล้วบอกไปตามตรง

“นายรออีก 3 วันได้ป้ะ”

อีกฝ่ายเงียบไป

 

“งั้นระหว่างนั้นนายต้องมาเป็นพนักงานที่ร้านฉัน”

ก่อนยงกุกจะกรอกเสียงเรียบนิ่งมาตามสาย มินโฮนึกภาพตาดุ ๆ อิมเมจนักฆ่าได้ทันที

เพื่อนคนนี้ ตัดสินใจอะไรแล้วไม่มีเปลี่ยนใจ

 

“ก็ได้ ให้ฉันทำอะไรอ่ะ ทวงหนี้เหรอ หรือว่าดักตีใคร”

 

“หึ”

อีกฝ่ายทำเสียงในคอ ก่อนจะให้คำตอบที่ทำให้สันหลังของมินโฮหนาวเยือก

 

เมดคาเฟ่น่ะ”

 

…..

 

จะบ้าเรอะ!!

 

ฮอลลลล คิดถึงอิมเมจกุบ้าง ยงกุก  ให้ไปเป็นฝ่ายทวงหนี้ แบกข้าวสารยังพอได้ แต่ ให้ไปทำงานเมดค่าเฟ่? หุ่นก็อย่างกับหมีควายขนาดนี้ ยงกุกอยากจะปิดร้านรึไงถึงได้บอกให้เขาไปไล่แขก

 

แค่คิดภาพตัวเองใส่ชุดเมดกระโปรงฟูฟ่องสั้นครึ่งขาอ่อนมินโฮก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีไม่มีชิ้นดี

 

ละถ้ามีสาว ๆ มาเห็นล่ะจะทำยังไง

 

“ไม่ทำโว้ยยยย”

 

เพราะงี้มินโฮต้องหนีมาให้ไกล เขาปฏิเสธชัดเจนไปทางโทรศัพท์แล้วก็ รีบตัดสายวาง เก็บของสำคัญที่ห้องแล้วบึ่งรถออกจากคอนโดทันที ฮยอนแทเคยเตือนเขาแล้วยงกุกจะไม่หยุด ถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

 

….น่า เขาก็แค่หลบมาสักพัก ประเทศตั้งกว้างยงกุกจะไปหาเขาเจอได้ยังไง มาทะเลค้างที่โรงแรมสองคืน พอเข้าเช้าวันที่ 3 เขาก็ได้เงินแล้วถึงค่อยกลับไปพร้อมแปะดอกเบี้ยนิดหน่อย ถึงตอนนั้นคงไม่มีเหตุผลอะไรอีกที่อีกฝ่ายจะจับเขาไปแต่งชุดเมดอีกหรอก

 

…หวังว่าน่ะนะ

 

– – – – – – – – – – – – – – – – – – –

จริง ๆ แล้วทะเลที่นี่สวยมากทีเดียว  แต่การมาทะเลคนเดียวก็น่าเบื่อพอดู พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าทำให้ริมทะเลมืดสนิทจนน่ากลัวและท้องที่เริ่มร้องทำให้มินโฮหนีภาพบาดตาจากพวกมาเป็นคู่ ๆ ข้ามกลับมานั่งหลบอยู่มุมนึงของบาร์โรงแรม เขาออกจากคอนโดมากะทันหัน ไม่กล้าบอกแม้แต่ฮยอนแทว่าเขาจะไปไหน เพื่อนคนอื่น ๆ เขาก็ไม่กล้าติดต่อไปเพราะไม่รู้ยงกุกจะไปถามหาเขาจากใครบ้าง

 

พวกขาดมนุษย์ไม่ได้อย่างเขา พอไม่ได้คุยกับใครเลยแค่ 2-3 ชั่วโมงก็รู้สึกเหงาเป็นบ้า

 

เขาน่าจะหาเพื่อนคุย เป็นสาว ๆ สวย ๆ สักคน ถ้าถูกคอบางทีคืนนี้เขาอาจจะไม่ต้องอยู่คนเดียว และทริปหนีหนี้ครั้งนี้ก็จะได้มีเรื่องสนุก ๆ ทำแก้เบื่อด้วย

 

สายตาคมมองกวาดไปทั่วบาร์เล็ก ๆ  แห่งนี้ มีคนอยู่จำนวนมากเหมือนกัน แต่ส่วนมากก็มาเป็นคู่ จนสุดท้าย สายตาเขามาสะดุดกับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงเคาเตอร์ไม่ไกลจากเขานัก คนนั้นแต่งตัวไม่เข้ากับบรรยากาศเลย เสื้อขาวติดดระดุมชิดคอและกางเกงขาสั้นเลยเข่าทำให้ดูเหมือนเป็นเด็กนักเรียนนอกลูกคนรวยประมาณนั้นมากกว่านักท่องเที่ยว

 

เหมือนจะรู้ว่าเขามอง ร่างขาวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาทันที

 

ตอนที่เห็นข้าง ๆ เขาว่าธรรมดา แต่พอเงยหน้าขึ้นมาแล้ว…หน้าขาวเนียนล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลเข้มทำให้ยิ่งดูโดดเด่น ทรงผมแสกกลางยาวปรกแก้มจนเขาอยากจะไปปัดออกให้ ปากสีชมพูอ่อนกับผิวขาว…

แต่คิ้วประหลาด

 

ปากสีชมพูอ่อนขยับทักเมื่อเขาไม่ยอมถอนสายตาไปสักที

 

“มองหา?”

โอ้โห นี่คือคำทักคนแปลกหน้า?

 

แปลกดีที่เขากลับตลกมากกว่าจะหงุดหงิด ท่าทางร่างขาวจะกำลังอารมณ์เสียกับอะไรอยู่มากกว่าเพราะเมื่อ ‘ทัก’ เขาแล้วก็หันกลับไปกดแชทโทรศัพท์แรง ๆ แล้วถอนหายใจหลายครั้ง

 

“มาคนเดียวเหรอ” เขาอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายก้มหน้าขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวติดกับอีกฝ่าย คนตัวขาวเกือบจะเงื้อมือจะต่อยแล้วแต่ก็ชะงักไปพอเขาแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร ”อยู่ทะเลแล้วยังจะเครียดอีก ฉันซงมินโฮ”

 

เหมือนเห็นสายตาของคนตรงหน้ามองสำรวจเขาวูบนึง คิ้วแปลกตานั่นคล้ายปมขมวด ลังเล ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือเขาที่ยื่นออกไปทักทายในที่สุด

 

มินโฮเห็นรอยสักตรงข้อมือที่พ้นปลายแขนเสื้อเชิร์ตขาว เขาไม่แน่ใจเท่าไรว่าเป็นรูปอะไร

 

แต่เขาชัวร์มากว่ามือของอีกฝ่ายนิ่มและเนียนมาก มากพอ ๆ กับต้นขาขาวที่เขาเบียดโดนตอนที่แทรกตัวเข้าไปนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ จนทำให้ชักสงสัยว่าคนตัวขาวตรงหน้านี้จะนิ่มไปทั้งตัวเลยหรือเปล่า

 

“อ่า….ฉันนัมแทฮยอน”

 

– – – – – – – – – – – – – – – – – – –

 

ประตูห้องนอนของซงมินโฮปิดลงพร้อมแสงจากทางเดินที่หายไป มีเพียงแสงสว่างจากระเบียงส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้อง ครั้งแรกที่เช็คอินเข้ามา เขาว่าห้องที่จองนี้เล็กไปสำหรับคนเดียว แต่เขาคงจะคิดผิด เพราะตอนนี้ถึงจะอีกคนนึงอยู่ในห้องด้วยเขาก็ยังรู้สึกว่าระยะทางจากประตูไปถึงเตียงค่อนข้างไกล

 

หรืออาจจะเพราะร่างกายเราแนบชิดกันจนไม่เปลืองพื้นที่ห้องสักเท่าไร

มือขาวโอบรอบคอเขารั้งให้ก้มหน้าลงสัมผัสริมฝีปากสีชมพูซ้ำแล้วซ้ำอีก ตัวนิ่ม ๆ เบียดกับอกเขาจนแม้แต่แอร์เย็นฉ่ำในห้องก็ไม่สามารถลดความร้อนของร่างกายที่เกิดขึ้นลงได้

 

“แปลกดี”

 

แทฮยอนเอ่ยกับริมฝีปากเขาตอนที่เราเลือกจะขยับออกห่างก่อนที่ใครจะขาดอากาศหายใจ แต่มือยังคงไล้ต้นคอเขา ส่วนตัวเขาเองน่ะไม่แน่ใจหรอกว่ามือเขาอยู่ตรงไหน รู้แค่ว่าตัวแทฮยอนนิ่มอย่างที่คิดไว้จริง ๆ

 

“หืม?”

 

“ผมไม่เคยคิดว่าจะเจอคนที่มีรสนิยมหลาย ๆ อย่างเหมือนกันขนาดนี้” แทฮยอนเอ่ยก่อนชี้ไปที่หนังสือบนโซฟาที่เขาอ่านทิ้งไว้ “เล่มนั้นก็พึ่งอ่านจบเมื่อวานเอง”

 

“เหรอ สนุกมั้ย”

 

มิโนถามกลับ แต่เอาจริง เขาไม่ได้สนใจหนังสือเล่มนั่นสักเท่าไรหรอก อยากขอโทษคนเขียนชะมัดแต่ช่วยเข้าใจเขาด้วย ริมฝีปากสีชมพูที่ตอนนี้เป็นสีแดงนั่นดึงดูดความสนใจเขาไว้จนหมด

 

“ก็ดีนะ จบหักมุม พระเอกตาย”

 

“โหยยยยย สปอยล์ทำไม”

 

“บ้า ล้อเล่น”  ริมฝีปากสีแดงขยับเข้ามาประทับตรงต้นคอของซงมินโฮ “นางเอกตายต่างหาก”

 

เออ จะสปอยล์อะไรก็เอาเหอะ ตอนนี้เขาไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น

 

เขารวบเอวอีกฝ่าย อุ้มฮึบทีเดียวจากหน้าประตูไปถึงเตียงแล้วทุ่มตัวแทฮยอนลงไปก่อนจะขยับตัวขึ้นทาบทับ

 

ตอนนี้คงจะได้เวลาที่ซงมินโฮจะเริ่มอ่านหนังสือเล่มใหม่แล้ว

 

จากที่แทฮยอนบอก อีกฝ่ายมาที่นี่เพราะเรื่องงานโดนโยนให้ทำและเหมือนจะทำงานได้ไม่ดีนักก็เลยอารมณ์เสียและลงมานั่งดื่ม ร่างขาวขอโทษอ้อม ๆ ที่ทักทายเขาได้อย่างสุภาพเรียบร้อย มินโฮก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก เพราะเรื่องอื่น ๆ ที่เราคุยกันหลังจากนั้นเพลินเสียจนเขาลืมเวลา และลืมว่าดื่มไปกี่แก้ว

 

แทฮยอนก็คงเหมือนกัน เพราะหน้าขาว ๆ เริ่มขึ้นสีแดงที่แก้ม ตาปรือหวานเยิ้มใกล้มากกว่าที่คิดตอนที่เขาหันไปสบตา อีกฝ่ายยกมือขึ้นมายันศีรษะท่าทางคงมึนจนตั้งตัวเองตรง ๆ ไม่ไหว

 

บทสนทนาวนมาถึงหนังเรื่องโปรด

 

“มินโฮรู้ป่ะ เราสงสัยมาตลอด” เขาตั้งใจรอฟัง “หนังเรื่องนั้นอะ ที่พระเอกพึ่งไปกินเหล้ามาแล้วก็มาจูบนางเอก จนนางเอกเมาไปเพราะคออ่อน”

 

“อ่อ ฉันว่าฉากนั้นตลกดี”

 

“นายว่าเป็นไปได้เหรอ ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์มันแรงจริง แต่ไม่น่าถึงขนาดทำให้อีกคนเมาป้ะ”

“ไม่รู้สิ

แทฮยอนจะลองทดสอบดูไหมล่ะ…”

 

เพราะคำพูดนั้นทำให้จูบครั้งแรกของเราเริ่มตรงที่บาร์โดยไม่อายใคร ครั้งต่อมาในลิฟท์ และครั้งที่สามในห้องของเขาที่นี่

 

เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่มีทุกอย่างเหมือนเขาจะสามารถทำให้เขารู้สึกได้มากกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ

 

ความคิดสะดุดลงตอนที่แทฮยอนพลิกตัวกลับขึ้นมาเป็นฝ่ายคร่อมเขาแล้วกดไหล่เขาลงกับเตียง มิโนจะขัดขืนก็ได้ แต่ไม่รู้สึกอยากทำสักเท่าไร

 

ยกตัวขึ้นมาจูบแทฮยอนแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตสีขาวของอีกฝ่ายออกไปด้วย ในห้องไม่ได้เปิดไฟสักดวงแต่ผิวของแทฮยอนกลับขาวสว่างไปหมด น้ำหนัก กลิ่นหอมของอีกฝ่าย ความร้อนที่เสียดสีกันทำให้มิโนจะเป็นบ้า

 

“อึ๊”

 

แทฮยอนส่งเสียงร้องเจ็บตอนที่เขาเผลอตัวขบฟันลงไปบนคอขาวเปลือเปล่า

 

“โทษที ลืมอะเป็นรอยเลย พรุ่งนี้นายจะไม่มีปัญหาตอนทำงานใช่ไหม”

 

“อ่า…ไม่เป็นไรหรอก งานน่าจะเสร็จคืนนี้แหละ” ร่างขาวชะงักไปก่อนจะเอ่ยตอบเขา “ตอนนี้นายมาเล่นอะไรสนุก ๆ กับฉันแทนดีกว่า”

 

คนบนตัวก้มตัวลงมาจูบเขาเบา ๆ หนึ่งทีก่อนจะผละตัวออกไป เขาเห็นแทฮยอนเดินไปที่กระเป๋าของตนเองที่โยนทิ้งไว้ตรงทางเข้าห้อง มือล้วงของในกระเป๋า ก่อนจะหยิบอะไรสักอย่างออกมา

 

แทฮยอนเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้งก่อนดันตัวเขาไปจนชิดหัวเตียงแล้วโชว์ของในมือให้ดู

 

กุญแจมือ

 

อื้อหือ ฟิฟตี้เชดออฟนัมแทฮยอนกันเลยทีเดียว

เดี๋ยวสิ นี่พกไว้กันขนาดนี้เลยหรือไง

มิโนไม่เคยลอง แต่กุญแจมือกับร่างขาวท่าทางเซ็กซี่ก็ดูน่าตื่นเต้นดี

 

เพราะงั้นเขาเลยไม่ได้ขัดขืนอะไรมากตอนที่แทฮยอนเบียดจูบ  รั้งมือทั้งสองข้างของเขาแล้วล็อคกุญแจมือล่ามไว้กับหัวเตียง

 

“กริ๊ก”

 

แทฮยอนยิ้มพร้อมกับเสียงล็อค

 

ก่อนจะขยับตัวออกห่าง

 

เฮ้ย?

 

มีมากกว่ากุญแจมืออีกเหรอ

 

ร่างขาวขยับไปหยุดตรงปลายเตียงเขา รอยยิ้มหวานๆ นั่นหายไปแล้ว

 

มือล้วงโทรศัพท์แล้วกดโทร ท่าทีที่เปลี่ยนไปกระทันหันทำให้ซงมินโฮงงไปหมด เขาไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร จนเหมือนคนที่แทฮยอนโทรไปหารับสายในที่สุด

 

“ฮัลโหล ยงกุก

 

หะ..เดี๋ยวนะ…..

 

ชื่อคุ้น ๆ ป้ะ

 

ชื่อที่มินโฮคุ้นเคยทำเอาเขาช็อค เดี๋ยวสิ…. ในโลกนี้มีคนชื่อซ้ำกันเยอะแยะป้ะ
“ฉันได้ตัวมินโฮแล้วนะ อยู่ที่โรงแรมที่นายบอกจริง ๆ ด้วย อ่า เข้าใจแล้วน่า รีบมาแล้วกัน”

เรื่องราวต่าง ๆ ปะติดปะต่อกันได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่เขายังไม่อยากจะเชื่อ

 

แทฮยอน รู้จักกับยองกุก?

 

“หนีไปไหนไม่ได้หรอกน่า ย่า! ถึงฉันจะอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมบ้านี่ก็จริงแต่อย่ามาใช้งานกันง่าย ๆ  แบบนี้อีกนะ ครั้งนี้ถือว่าที่นายเคยช่วยฉันหายกัน ให้มาทำบ้าอะไรไม่รู้ เปลืองตัวชะมัด”

 

ชัด…

แทฮยอนรู้จักกับยองกุกแน่  แล้วเพื่อนเขาก็ใช้ให้แทฮยอนมาจับตัวเขาไว้งี้เหรอ? ว่าแต่ยงกุกหาเขาเจอได้ไงวะ ซงมินโฮงงไปหมดได้แต่มองคนตัวขาวที่คว้าเสื้อของตัวเองที่ยกอยู่ริมเตียงขึ้นมาใส่แล้วติดกระดุมทีละเม็ดด้วยมือข้างเดียว

 

เชี่ยยยยย เขาหนีไม่พ้นแต่งชุดเมดเหรอเนี่ยยย

 

แต่เขาว่าที่น่ากังวลกว่าคืออารมณ์ที่ยังไม่ลงของเขาเนี่ยแหละ

แทฮยอนกดวางสายไปแล้ว สายตาเรียวมองสภาพเขาที่มือล็อคติดอยู่กับหัวเตียงอย่างติดจะสมเพช

 

“ไหน ๆ กว่ายงกุกจะมาคงนาน มาต่อกันก่อนไหมอ่าแทฮยอน”

 

แทฮยอนหัวเราะขำกับคำพูดของเขาแต่ก็ยังขยับตัวมานั่งข้างเตียงอยู่ดี พอเข้ามาใกล้จนเห็นรอยแดงบนผิวขาวจัดตรงต้นคอกับเสื้อเชิร์ตยับ ๆ ที่ติดกระดุมไม่เรียบร้อยแล้วซงมินโฮก็ได้แต่กลืนน้ำลาย มือเขาโดนล็อคอยู่กับหัวเตียงแขนบิดแถมยังขยับตัวไม่ค่อยได้อีกด้วย อีกฝ่ายก็เหมือนรู้ทัน เข้ามาใกล้แต่ก็ไม่มากพอที่จะให้เขาสัมผัสตัวได้

 

“รู้ตัวแล้วสิ อะไร นึกว่าจะโกรธเสียอีก”

 

“…ปลงแล้วอะ พอดีมีอย่างอื่นให้คิดมากกว่า”

 

มิโนใช้สายตาล่อให้แมวน้อยเข้ามาใกล้อีก แทฮยอนจ้องตาเขาแล้วยอมเอนตัวเข้าหาโดยดี ริมฝีปากอุ่นกับลมหายใจพัวพันกัน อุณหภูมิกลับขึ้นมาร้อนอีกครั้งตอนที่แทฮยอนเคลี่อนจูบจากริวฝีปากไปที่ซอกคอ มือขาวลากไล้จากอกเขาลงไปถึงหน้าท้อง และ…

ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ออกมา

 

“เห้ยๆๆ จะชิงทรัพย์ด้วยเหรอ ”

 

ริมฝีปากบางแค่หยักยิ้มก่อนขึ้นมานั่งคร่อมตัวเขาอีกครั้ง มือขาวที่ถือโทรศัพท์เอื้อมโอบรอบคอ

 

และจับนิ้วของเขาแปะลงปุ่มโฮมเพื่อเข้าเครื่อง!!

 

โอ้โห สรุปที่มีสแกนนิ้วแทนพาสเวิร์ดได้เนี่ยไม่ช่วยอะไร ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ความเป็นส่วนตัวยังไงก็เป็น 0

 

คิดอีกที จะมีสักกี่คนเชียวที่จะมาเจอสถานการณ์แบบเดียวกับเขา

 

มินโฮไม่แน่ใจว่าคนตัวขาวจะทำไรแต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องดีสักเท่าไร นายแมวนี่ชอบเข้ามาแกล้งเขาแล้วก็ถอยห่าง คราวนี้คงไม่เล่นอะไรพิเรนท์ ๆ อย่างถ่ายรูปเขาโดนใส่กุญแจมือติดกับหัวเตียงแล้วอัพลงอินสตาแกรมอะไรแบบนี้หรอกนะ

 

แทฮยอนยกไอโฟนขึ้นถ่ายรูปตัวเอง ไม่ใช่รูปเขา แล้วกดอะไรยุกยิกอีกสองสามทีก่อนจะโยนมาไว้ข้างตัวซงมินโฮในที่สุด

 

ร่างขาวลุกขึ้นยืน

 

หน้าจอโทรศัพท์ของเขาเป็นหน้าคอนแทคที่มือเบอร์ไม่คุ้นเมมไว้พร้อมรูปรอยยิ้มหวานและชื่อเจ้าของเบอร์ ‘นัมแทฮยอน’

 

“ไว้เผื่อจะแก้แค้นที่ฉันหลอกนาย”

 

แทฮยอนหัวเราะเบา ๆ ส่งท้ายตอนก่อนออกจากห้อง

 

“แต่ไม่ต้องใส่ชุดเมดมานะ”

 

[end]

 

#นัมซงแก้บน

 

ฟิคนี้เป็นฟิคแก้บนเรื่องที่  1 ล่ะ โอ้โห ใครจะคิดว่าป๋าจะจัดให้จริงด้วย ToT แต่เราอยากได้มากกว่านี้อะป๋า เราอยากได้เบื้องหลัง ตอนคอนฯเสิร์ตก็ขอสเตจคู่ด้วยนะ ❤

12575863_10153313382130770_788787744_n

สำหรับที่มาของเรื่องนี้ เราขออธิบายด้วยภาพค่ะ เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจ 5555

[Fic]At a dog café : A cat at a dog café

At a dog café

::A cat at a dog café::

———————————–
Song Minho
x
Nam Taehyun
———————————–

ซงมินโฮชอบหมา แต่ก็แพ้ขนหมา ถึงอย่างนั้น ถ้าหากไม่เข้าไปกอดไปอุ้ม เขาก็สามารถอยู่ในห้องที่มีสุนัขได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

แม้จะไม่มีปัญหา ก็ไม่ได้หมายความเขาจะชอบพาตัวเองไปในที่ที่มีหมาเยอะ ๆ หรอกนะเพราะอาการแพ้น่ะ พอเป็นขึ้นมาครั้งนึงแล้วไม่ใช่ว่าเขาจะหายง่าย ๆ ในสองสามชั่วโมง ถ้าบางช่วงที่ร่างกายไม่แข็งแรง ซงมินโฮอาจถึงขนาดป่วยไปเป็นอาทิตย์

ถึงอย่างนั้น เกือบเดือนที่ผ่านมามินโฮกลับไปคาเฟ่หมาที่เพื่อนเขาเป็นเจ้าของทุกวัน

ซงมินโฮชอบหมา แต่เขาไปคาเฟ่หมา เพื่อที่จะมาเจอคุณแมว

คุณแมวที่ว่าจริง ๆ ไม่ใช่แมวแต่เป็นคนน่ารัก พูดให้ชัดคือเป็นพนักงานของที่นี่ ให้ชัดอีกคือเป็นเพื่อนของคิมจินฮวานเจ้าของร้านที่ก็เป็นเพื่อนของเขาเช่นกัน

แต่ที่สำคัญที่สุดคือ คุณแมวเป็นคนน่ารัก

ซงมินโฮกับคิมจินฮวานเคยอยู่โรงเรียนเดียวกันแต่คนละชั้นปี พวกเขารู้จักที่ชมรมบาสที่มินโฮเป็นสมาชิก ส่วนจินฮวานไม่ได้เล่นบาสหรอกแต่สนิทกับรุ่นน้องของเขาในชมรมบาสอีกที มีคนเคยบอกว่ามินโฮสนิทกับคนง่าย เพราะอย่างนั้นล่ะมั้ง ถึงจินฮวานจะไม่ได้เป็นสมาชิกชมรมก็ยังสนิทกับเขา

แต่ตอนนี้มินโฮอยากสนิทกับแมวน่ารักมากกว่า

ครั้งแรกที่มินโฮไปที่ร้านหลังจากที่จินฮวานพยายามชวนเขาไปหลายรอบ -ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามินโฮแพ้หมานั่นแหละ- มีพนักงานของร้านสามคน คนแรกเป็นพี่สาวของจินฮวานที่เป็นเจ้าของร้านตัวจริง คนที่สองเป็นบาริสต้า และคนที่สามคือคุณแมวของเขา

มินโฮไม่ใช่คนความจำดี แต่แปลกที่เขาจำตอนจินฮวานแนะนำชื่อคุณแมวน่ารักได้ขึ้นใจ

“นี่นัมแทฮยอน เรียนโรงเรียนเดียวกันเนี่ยแหละ”

เรียบง่าย

“มินโฮใช่ไหม เคยไปดูตอนแข่งบาสชิงถ้วยด้วย”

แต่ยิ้มหวานที่ส่งมาพร้อมคิ้วตก ๆ และทรงผมแปลกตาของอีกฝ่ายสะดุดใจเขาทันที ‘แทฮยอน’ น่ารัก ตัวขาว ๆ แก้มกลม ๆ ดูนุ่มนิ่มมองเพลิน มินโฮรู้สึกเจ็บใจว่าทำไมเขาถึงโดดเรียนบ่อยเสียจนไม่เคยเจอคุณแมวที่โรงเรียนมาก่อน

“ตอนนั้นฉันเท่มั้ยล่ะ”

เขาถามกลับติดตลก แต่กลายเป็นเดดแอร์เมื่อคุณแมวเสมองทางอื่น จับผมที่เริ่มยาวทัดหู ก้มหน้าไม่สบสายตาเขา มินโฮรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่เคยได้คำตอบของคำถามนี้เพราะมีลูกค้าใหม่เข้าร้านมาเสียก่อน

เขาได้เห็นเพียงแค่ยิ้มเขิน ๆ มุมปากของอีกฝ่ายที่ส่งมาให้เขาก่อนจะเดินไปรับออร์เดอร์

 

หลังจากรอยยิ้มนั้นแหละ พอเลิกงานซงมินโฮเป็นต้องหาเรื่องแวะมาที่ร้านนี้ทุกวัน

แรก ๆ เขาก็อ้างว่ามานั่งอ่านหนังสือ อาทิตย์นึงผ่านไปเขาอ่านได้ไม่ถึงหน้าเพราะสายตาเอาแต่มองตัวขาว ๆ ที่หยิบจับแก้วอยู่ที่เคาเตอร์หรือทำหน้านิ่งรับลูกค้า เท่าที่สังเกต แทฮยอนไม่ค่อยยิ้มให้คนแปลกหน้าแม้จะเป็นลูกค้า ถึงหน้านิ่ง ๆ ของแทฮยอนจะมีสเน่ห์ไปอีกแบบ แต่รอยยิ้มของทฮยอนครั้งแรกที่เจอก็ยังติดอยู่ในใจเขา

อาทิตย์แรกที่ผ่านไปเขาทำได้แค่มองและชวนคุยสองสามครั้ง แต่สายตาเราสบกันนับครั้งไม่ถ้วนจนเขากังวลว่าคุณแมวจะรู้สึกอึดอัดใจอะไรหรือเปล่า เขาชอบมองแทฮยอน แต่ไม่ได้อยากจะแสดงออกชัดไป บางทีมินโฮเลยชวนเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยมหาลัย เพื่อนสมัยมัธยม เพื่อนสมัยประถม เพื่อนสมัยอนุบาล หรือบางทีก็ชวนแม้แต่เพื่อนข้างบ้านมาที่ร้านทั้งหญิงและชาย เพื่อที่จะได้ใช้เพื่อนเป็นกำบังตอนที่เขาแอบมองแทฮยอน

แต่แปลก วันไหนที่พาเพื่อนผู้หญิงมา มินโฮรู้สึกว่าเราจะสบตากันน้อยกว่าปกติ ทั้ง ๆ ที่เขาจ้องแทฮยอนด้วยความถี่เท่าเดิม

อาทิตย์ที่สองและสาม พอมีเพื่อนมาด้วยมินโฮก็มักจะเดินมาสั่งเครื่องดื่มที่เคาเตอร์ก่อนที่แทฮยอนจะเดินมาที่โต๊ะ

“แทฮยอน ฉันเอาลาเต้ กับสตอเบอร์รี่ปั่นของเพื่อน”

“มินโฮ ถ้านายจะเดินมาถึงเคาเตอร์ก็สั่งกับพี่บาริสต้าเลยซี่”

…ก็ฉันอยากคุยกับแทฮยอนนี่นา…

ซงมินโฮได้แต่พูดประโยคนี้ในใจแล้วแก้ตัวไปว่าก็เห็นพี่เขายุ่งอยู่ จริง ๆ เขาโดนบอกแบบนี้ทุกวันแหละ แต่เขาก็หาข้ออ้างที่จะคุยกับแทฮยอนได้ทุกวันเหมือนกัน

ก็ถ้าสั่งกับแทฮยอน คุณแมวก็จะเป็นคนเอาไปเสิร์ฟที่โต๊ะเขา ขนาดร้านที่ไม่ใหญ่มาก และบางทีที่มินโฮนั่งโต๊ะที่ใกล้กับชั้นหนังสือ บางที…ตัวนิ่ม ๆ และแขนขาว ๆ ของแทฮยอนก็จะเบียดชิดกับตัวเขาเพื่อที่จะเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เพื่อนมินโฮ

…ตัวนิ่ม ๆ น่ากอด…

หรือหากวันกลางสัปดาห์กลางเดือนที่ลูกค้าน้อย มินโฮก็จะไปป่วนที่หลังเคาเตอร์ ให้แทฮยอนสอนทำน้ำมะนาวสูตรนัมสเปเชี่ยล หรือนั่งฟังเพลงแปลก ๆ ดูคลิปตลก ๆ ด้วยกัน แล้วหาเรื่องสัมผัสตัวแบบที่ดูไม่ตั้งใจเกินไปนักอย่างตอนที่ผงกาแฟติดแก้มแทฮยอน หรือคว้าเอวตอนที่แทฮยอนสะดุดขาตัวเองจะล้ม

บางทีเขาก็เห็นจินฮวานมองด้วยสายตารู้ทันนะ แต่กับแทฮยอนเขาไม่แน่ใจว่าคุณแมวน่ารักของเขาจะรู้ตัวไหม

ปลายของอาทิตย์ที่สาม จินฮวานและพี่สาวไม่เข้าร้าน คุณบาริสต้าลาป่วย เพื่อนของเขาไม่มีใครว่างมา มินโฮไม่มีประชุมเช้าและฝนตก เขานั่งเล่นที่ร้านจนดึกดื่น จนร้านปิด เขาช่วยแทฮยอนเก็บของที่ร้าน

หน้าร้านมืด ๆ เหลือแค่ซงมินโฮ คุณแมวน้อยน่ารักและสายฝนโปรย

“แทฮยอนกลับยังไง”

“แท็กซี่? รถไฟฟ้า? อืม…คงรอฝนซาแล้วเดินไปรถไฟฟ้าแหละ”

ดูสภาพฝนและซอยเล็ก ๆ ตอนดึกที่ไม่ค่อยมีแท็กซี่ผ่านนี่แล้วมินโฮก็เข้าใจอยู่หรอกที่แม้แต่แทฮยอนเองก็เลือกไม่ถูก ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว ไม่มีท่าทีว่าฝนจะหยุด

“ฉันก็ผ่านรถไฟฟ้า แทฮยอนกลับด้วยกัน”

มินโฮจำได้ว่าอีกฝ่ายบอกว่าเกรงใจ แต่เขาก็ยกเหตุผลสารพัดมาอ้าง จนท้ายที่สุดต้องทำกระทั่งคว้าแขนนิ่ม ๆ ลากขึ้นรถ

ระหว่างทาง มินโฮเริ่มประโยคสนทนาทั่วไปแล้วจึงถามอ้อม ๆ ว่าบ้านแทฮยอนอยู่ที่ไหน

“อ้าว งั้นเดี๋ยวไปส่งที่บ้านนะ อยู่ทางเดียวกันเลย”

…ซะที่ไหนล่ะ

แต่เขาไม่ถือหรอกถ้าจะต้องขับข้ามไปอีกฝั่งของเมืองเพื่อจะไปส่งแทฮยอน บางทีเขายังอยากให้รถติดนานกว่านี้ด้วยซ้ำ จะได้มีเวลาอยู่กับคุณแมวนานขึ้นอีกหน่อย

คืนนั้นเราคุยกันหลายเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกชอบแทฮยอนมากขึ้นทุกที และตั้งแต่นั้นมามินโฮก็ไปส่งแทฮยอนทุกวันด้วยข้ออ้างที่ไม่เคยซ้ำ วันไหนที่คุณแมวเลิกเร็วหน่อยเพราะจินฮวานอยู่ร้านก็อาจจะมีสถานการณ์แบบ…

“แทฮยอนหิวข้าวป้ะ

ฉันหิวข้าวอะ

แวะกินข้าวกันนะ”

ถึงจะเป็นร้านอาหารร้านประจำที่เขาไปกิน แต่วันนั้นมินโฮจะรู้สึกว่าพ่อครัวทำอาหารอร่อยกว่าปกติ

 

ตั้งแต่มีแทฮยอนกลับด้วย บางทีที่เขาเจอรถติดก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แย่อย่างเคย

แต่ก่อนตอนขับรถ มิโนจะติดนิสัยเปิดวิทยุสลับฟังเพลงสถานีนู่นนี่มั่วไปหมด จากแต่ก่อนที่ไม่เคยฟังเพลงป็อปหรือเพลงคลาสสิค เขาก็ยังเปิดฟังหลังจากฟังคลื่นฮิปฮอปจนร้องได้ทุกเพลง

ส่วนตอนนี้ เครื่องเสียงบนรถไม่ได้ใช้งานมาหลายสัปดาห์แล้ว เพราะซงมินโฮมีเสียงหวาน ๆ ให้ฟัง เขาไม่คิดจะเปลี่ยนไปไหนด้วย เพราะเรื่องที่คุยกันไม่เคยทำให้เขาเบื่อเลย

 

เราเข้ากันได้ดีมากกว่าที่คิด

ไม่ว่าจะความเห็นทางด้านดนตรี หนัง หรือหนังสือ จนเราเคยไปดูคอนเสิร์ตวงโปรดด้วยกันรอบนึง ดูหนังอินดี้รอบดึกที่ทั้งโรงมีแค่เขาสองคน และแทฮยอนหอบหนังสือหายากที่เขาเคยเอ่ยปากว่าอยากได้มาให้

แม้แต่มุกตลกของเขาที่แทฮยอนขำเอาเป็นเอาตายจนน้ำตาไหล

หรือหัวข้อสนทนาที่ไม่เคยจบสิ้นตั้งแต่รายการตลกเมื่อคืนจนถึงปรัชญากรีกของอริสโตเติล

มิโนว่าเราเข้ากันได้ดีมากกว่าคนไหน ๆ

จนเขาอยากถามแทฮยอนเหลือเกิน ว่าคิดเหมือนกันหรือเปล่า

 

“ฉันดูดวงเป็นนะ”

เป็นบทสนทนาในค่ำฝนตกรถติดอีกวันหนึ่ง

“เหรอ ฉันก็ชอบดูดวงนะ”

แทฮยอนท่าทางสนใจ

“มา เดี๋ยวดูให้”

เขาบอกแทฮยอนก่อนรึยังนะว่าเขาดูดวงจากลายมือ ทำไมแทฮยอนถึงได้สะดุ้งนิด ๆ ตอนที่เขาคว้ามือของอีกฝ่าย

มือแทฮยอนยิ่งขาวจัดเมื่อตัดกับสีผิวเขา ทั้ง ๆ ที่เป็นมือผู้ชายแต่กลับนิ่มเสียจนมินโฮอยากจะกุมไว้ตลอดทั้งวัน

ปลายนิ้วเขาลากไล้ไปตามเส้นลายนิ้วมือ

 

“นี่เป็นเส้นชีวิต นายจะอายุยืน อาจจะลำบากในตอนแรก แต่ตอนหลังชีวิตนายจะสบาย

เส้นความคิด นายเป็นคนมีหัวทางศิลปะนะ

ส่วนนี่เป็นเส้นหัวใจ…”

 

ซงมินโฮไม่ได้มองลายมือของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว ตาของเขาสบกับคนข้างกาย ดวงตาวิบวับของอีกฝ่ายชวนให้เขาลองเสี่ยงอะไรบางอย่าง

 

“…นาย กำลังมีคนมาแอบชอบนายล่ะ”

 

รถทั้งคันเงียบสนิท แทฮยอนเลิกคิ้ว ดูประหลาดใจ ความเงียบเริ่มทำให้มินโฮใจเสีย

 

“เหรอ”

ก่อนที่มุมปากของอีกฝ่ายยกยิ้มเล็กน้อย

 

“ฉันนึกว่าฉันแอบชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียวซะอีก”

 

ปลายนิ้วที่เกี่ยวก่ายกัน มือนิ่มที่กระชับเข้ามา รอยยิ้มเขินอาย และแก้มที่ขึ้นสีพอให้ซงมินโฮเดาได้ว่า ‘เขา’ ของแทฮยอนคนนั้นคือใคร

 

แต่มินโฮก็ยังไม่ชัวร์ เขาไม่ได้หลงตัวเองใช่ไหม เขาน่าจะลองเช็คดูว่าคำตอบของเขาถูกแน่หรือเปล่า

 

แทฮยอนหลับตาลงตอนที่เขาขยับใบหน้าเข้าใกล้ มินโฮถามแทฮยอนในความเงียบที่นุ่มนวลอ่อนโยนแต่ทำหัวใจเต้นโครมครามจนน่ากลัวจะดังออกไปนอกรถแข่งกับเสียงฝน

 

แทฮยอนเฉลยด้วยริมฝีปากนิ่ม ๆ ที่ขยับตอบรับ

 

คำตอบของมินโฮถูกต้องแล้วล่ะ

 

[end]

 

เป็นฟิคเรื่อย ๆ เหมือนเคย 555

ถ้าชอบก็ฝากจิ้ม ๆ คอมเม้นเป็นกำลังใจหน่อยน้า
หรือ >> #คุณแมวคาเฟ่หมา ในทวิตเตอร์ก็ได้ค่ะ >.<